“จ๊อบไทย”เปิดสถานการณ์จ้างงาน Q1/61 ธุรกิจอาหารเครื่องดื่ม-บริการอันดับ 1 รับการท่องเที่ยวคึกคัก

จ๊อบไทยดอทคอม (JobThai.com) เปิดเผยข้อมูลความต้องการแรงงานของประเทศไทยในช่วงไตรมาส 1 ปี 2561 พบ 5 กลุ่มธุรกิจที่มีความต้องการแรงงานมากที่สุด ได้แก่ อันดับหนึ่ง ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม อันดับสอง ธุรกิจบริการ อันดับสาม ธุรกิจค้าปลีก อันดับสี่ ธุรกิจยานพาหนะ/ชิ้นส่วนยานยนต์ และอันดับห้า ธุรกิจก่อสร้าง

ผลสืบเนื่องมาจากสถานการณ์สภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยที่มีแนวโน้มปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่องมาจากช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา ทั้งการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐในโครงการสำคัญต่าง ๆ การบริโภคอุปโภคของภาคครัวเรือน การเติบโตของกลุ่มก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องเพราะยังอยู่ในฤดูกาลท่องเที่ยวที่สำคัญจึงทำให้มีความต้องการแรงงานในกลุ่มนี้ค่อนข้างมาก

พร้อมชี้ งานแพทย์/เภสัช/สาธารณสุข มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญจากกระแสโลกที่ผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพกันมากขึ้นและเป็นปีที่ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ภาวะสังคมผู้สูงอายุ

“แสงเดือน ตั้งธรรมสถิตย์” ผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าผู้บริหารด้านปฏิบัติการเว็บไซต์จ๊อบไทยดอทคอม (JobThai.com) กล่าวว่า เว็บไซต์จ๊อบไทยดอทคอม ได้ทำการรวบรวมและวิเคราะห์ฐานข้อมูลที่อยู่ในเว็บไซต์จ๊อบไทยดอทคอม เพื่อรายงานสถานการณ์ความต้องการแรงงานทั่วประเทศในช่วงไตรมาส 1 ประจำปี 2561 พบว่า 5 กลุ่มธุรกิจที่มีความต้องการแรงงานสูงสุด ได้แก่

ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม โดยประมาณ 8,800-9,000 อัตรา และ ธุรกิจบริการ โดยประมาณ 8,600-8,900 อัตรา โดยสาเหตุที่ธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่ม และบริการมีความต้องการแรงงานสูง สืบเนื่องมาจากภาคการท่องเที่ยวมีการขยายตัวต่อเนื่องมาจากปลายปีที่แล้ว ทั้งจากนักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนมาจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีน และการขยายเส้นทางการบินของธุรกิจสายการบินระหว่างประเทศ โดยเฉพาะเส้นทางการบินของไทยที่เชื่อมไปยังเมืองรองของประเทศจีน และนักท่องเที่ยวในประเทศซึ่งมาจากมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด (ที่มา: ศูนย์วิจัยกสิกรไทย วันที่ 18 มกราคม 2561)

ธุรกิจค้าปลีก โดยประมาณ 7,300-7,400 อัตรา ได้แรงหนุนมาจากการลงทุนจากภาคเอกชน เช่น การขยายสาขาของกลุ่มค้าปลีกขนาดใหญ่ ผนวกกับมาตรการภาครัฐที่ช่วยผลักดันการใช้จ่ายของกลุ่มครัวเรือนฐานราก

ธุรกิจยานพาหนะ/ชิ้นส่วนยานยนต์ โดยประมาณ 6,300-6,600 อัตรา จากปัจจัยด้านการส่งออกในหมวดรถยนต์และชิ้นส่วนที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และการผลิตในภาคอุตสาหกรรมก็ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ตามการปรับตัวที่ดีขึ้นของการส่งออก

ธุรกิจก่อสร้าง โดยประมาณ 5,200-5,600 อัตรา จากนโยบายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐที่มีเพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง เช่น โครงการรถไฟฟ้า หรือมอเตอร์เวย์ 3 สายใหม่ นอกจากนี้ยังส่งผลดีต่อธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ที่มีแนวโน้มขยายตัวตามมาอีกด้วย

นอกจากนี้ จ๊อบไทยดอทคอม ยังเผยตัวเลขประมาณการของประเภทงานที่เปิดรับสมัครมากที่สุด 5 อันดับแรก ในไตรมาส 1 ซึ่งสอดคล้องกับกลุ่มธุรกิจที่มีความต้องการแรงงานมากที่สุดข้างต้น โดยประเภทงานที่มีการเปิดรับสมัครมากที่สุดจากทั่วประเทศ ได้แก่ 1) งานขาย อยู่ที่ประมาณ 17,000-19,000 อัตรา ตามมาด้วย 2) งานช่างเทคนิค อยู่ที่ประมาณ 9,000-11,000 อัตรา 3) งานผลิต/ควบคุมคุณภาพ อยู่ที่ประมาณ 7,000-8,000 อัตรา 4) งานบริการลูกค้า อยู่ที่ประมาณ 6,000-7,000 อัตรา และ 5) งานบัญชี/การเงิน อยู่ที่ประมาณ 5,000-6,000 อัตรา ตามลำดับ

ซึ่งจะเห็นได้ว่างานที่มีความต้องการแรงงานมากที่สุดก็ยังเป็นงานขาย ซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญของทุกองค์กร รองลงมาคืองานช่างเทคนิคและงานผลิต/ควบคุมคุณภาพที่สอดรับการกับขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ

ขณะที่ข้อมูลยังเผยให้เห็นอีกหนึ่งประเภทงานที่น่าสนใจ ก็คือ งานแพทย์/เภสัช/สาธารณสุข ที่มีอัตราการเติบโตสูงถึง 5.78 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากในปัจจุบันคนมีอายุยืนยาวขึ้นจึงหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพกันมากขึ้น โดยจะเห็นได้ว่ามีธุรกิจเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพแบบครบวงจรเกิดใหม่เพิ่มขึ้น อีกทั้งในปี 2561 เป็นปีที่ประเทศเริ่มเข้าสู่ภาวะสังคมผู้สูงอายุ โดยเป็นปีแรกที่ประชากรผู้สูงอายุมีจำนวนมากกว่าประชากรวัยเด็ก และจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (ที่มา:กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) จึงทำให้ความต้องการแรงงานในกลุ่มนี้เป็นที่น่าจับตามองอีกด้วย