เปิดเงื่อนไขกู้เงินกองทุนชราภาพ ประกันสังคม เช็กวิธีคำนวณเงินผ่าน 3 ช่องทาง ผู้ประกันตนได้รับเท่าไร
ร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. … เป็นการปรับปรุงแก้ไขสิทธิประโยชน์กองทุนประกันสังคม ที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการ โดยการปรับปรุงแก้ไขสิทธิประโยชน์กองทุนประกันสังคม กรณีชราภาพ ให้ผู้ประกันตนสามารถนำเงินกรณีชราภาพบางส่วนออกมาใช้ก่อน
- เปิด 10 อันดับที่ดินต่างจังหวัด แพงสุดในประเทศไทย
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 พ.ค. ย้อนหลัง 10 ปี
- กรมอุตุฯเตือน รับมือฝนตกหนักอีกรอบ 17-19 พ.ค.นี้ หนักสุดถึง 70% ของพื้นที่
เพื่อให้ผู้ประกันตนที่เป็นผู้สูงอายุจะได้รับความคุ้มครองภายใต้ระบบสามารถเลือกเข้าถึงแหล่งเงินฉุกเฉินได้เพิ่มเติม โดยใช้เงินกรณีชราภาพที่ตนจะได้รับในอนาคตเป็นเงินทุน แต่จะทำให้ผู้ประกันตนมีหลักประกันรายได้ยามเกษียณที่ลดลง (ขอเลือก ขอคืน และขอกู้) มีเงื่อนไขดังต่อไปนี้
3 ขอ “กองทุนชราภาพ”
- ขอเลือก : ผู้ประกันตนที่มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ สามารถเลือกรับเงินบำนาญชราภาพหรือเงินบำเหน็จชราภาพ
- ขอคืน : กรณีให้ผู้ประกันตนสามารถนำเงินกรณีชราภาพบางส่วนมาใช้ก่อนมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
- ขอกู้ : ผู้ประกันตนสามารถนำเงินกรณีชราภาพบางส่วนไปเป็นหลักค้ำประกันการกู้เงินกับธนาคารหรือสถาบันการเงินได้
เงื่อนไขสำคัญ 3 ขอ
- ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 180 เดือน
- กรณีชราภาพถึงแก่ความตายก่อนที่จะได้รับประโยชน์ทดแทน หรือผู้รับเงินบำนาญชราภาพ ถึงแก่ความตายภายใน 60 เดือน นับแต่เดือนที่มีสิทธิได้รับเงินบำนาญชราภาพ
- หักเงินชราภาพของผู้ประกันตนซึ่งมีหน้าที่ต้องชำระอันเกิดจากการดำเนินการที่นำเงินชราภาพบางส่วนไปเป็นหลักประกันกับสถาบันการเงินไว้เพื่อส่งใช้กองทุนก่อนในกรณีมีเงินชราภาพ เหลืออยู่
- เมื่อหักเงินดังกล่าวแล้วเหลือเท่าไรให้ทายาทของผู้นั้นซึ่งมีชีวิตอยู่ในวันที่ผู้ประกันตน หรือผู้รับเงินบำนาญชราภาพถึงแก่ความตายมีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพ
ทั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้ใช้สิทธินำเงินกรณีชราภาพบางส่วนออกมาใช้ก่อนประมาณ 5 ล้านคน คนละ 30,000 บาท สำนักงานประกันสังคม จะต้องดำเนินการสำรองเงิน จำนวน 150,000 ล้านบาท ซึ่งทำให้กองทุนประกันสังคมสูญเสียรายได้จำนวน 6,750 ล้านบาท พร้อมทั้งเสียผลตอบแทนการลงทุนในอัตราร้อยละ 4.5 เป็นเวลา 1 ปี
อย่างไรก็ตาม ร่างหลักเกณฑ์ในการปรับปรุงกฎหมาย พ.ร.บ.ประกันสังคมครั้งนี้ ต้องรอประกาศบังคับใช้อย่างเป็นการทางอีกครั้ง
ประกันสังคม หัก 5% ทุกเดือน
ทั้งนี้ ผู้ประกันตน ในมาตรา 33 เป็นลูกจ้างทำงานให้กับนายจ้างที่อยู่ในสถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป ในทุก ๆ เดือน จะถูกหักเงินเดือนเพื่อสมทบกองทุนประกันสังคม 5% ของรายได้ ซึ่งแบ่งออกไปสมทบ 3 ส่วน คือประกันเจ็บป่วย หรือตาย, ประกันการว่างงาน และประกันชราภาพ
ยกตัวอย่าง กรณีมีรายได้เกิน 15,000 บาทต่อเดือน จะต้องส่งเงินสมทบประกันสังคม เดือนละ 750 บาท (อัตราสูงสุด) ดังนี้
- ประกันเจ็บป่วย หรือตาย : 1.5% ของยอดสมทบ หรือสูงสุด 225 บาท
- ประกันว่างงาน : 0.5% ของยอดสมทบ หรือสูงสุด 75 บาท
- ประกันชราภาพ : 3% ของยอดสมทบ หรือสูงสุด 450 บาท
3 ช่องทางเช็กเงินชราภาพ
สำหรับวิธีคำนวณเงินชราภาพที่ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับนั้น สามารถเช็กได้ง่าย ๆ ผ่าน 3 ช่องทาง
- SSO Mobile App
- Line Official Account : @SSOTHAI
- Website : www.sso.go.th
เช็กยอดเงินผ่านแอปพลิเคชั่น
- เข้าแอปพลิเคชั่น “SSO Connect”
- กรอก “Username” ด้วยรหัสบัตรประจำตัว 13 หลัก และ ใส่รหัส “Password”
- จากนั้นกดเข้าสู่ระบบ
- ไปที่ “เงินสมทบชราภาพ”
เช็กยอดเงิน ผ่าน Line Official
- เข้า Line Official : @SSOTHAI
- คลิกที่ “ข้อมูลของคุณและการแจ้งเตือน”
- กรอก “Username” ด้วยรหัสบัตรประจำตัว 13 หลัก และ ใส่รหัส “Password”จากนั้นกดเข้าสู่ระบบ
- ไปที่ “เงินสมทบชราภาพ”
เช็กยอดผ่านเว็บไซต์
- เข้าสู่ระบบผู้ประกันตน / สมัครสมาชิก
- กรอกเลขบัตรประชาชนและรหัสผ่าน
- กรอกหมายเลขโทรศัพท์เพื่อรับรหัสการยืนยันตัวตน
- ล็อกอินเข้าระบบและเลือกผู้ประกันตน
- เข้าสู่หน้า “ตรวจสอบข้อมูลผู้ประกันตน”
- คลิก “การคำนวณเงินสงเคราะห์ชราภาพ”
- จากนั้นระบบจะปรากฏการคำนวณเงินสงเคราะห์ชราภาพขึ้นมา
วิธีคำนวณเงินชราภาพ
ทั้งนี้ กรณีที่จ่ายเงินสมทบกรณีสงเคราะห์บุตร และชราภาพ ไม่ถึง 12 เดือน จะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพมีจำนวนเท่ากับจำนวนเงินสมทบ ที่ผู้ประกันตนจ่ายสมทบ
ตัวอย่าง การคำนวณเงินผู้ประกันตนได้รับค่าจ้างเดือนละ 10,000 บาท
- ถูกหักเงินสมทบ 5% ของค่าจ้าง (5 x 10,000) / 100 = 500 บาท
- กรณีว่างงาน 0.5% (0.5 x 10,000) / 100 = 50 บาท
- กรณีสงเคราะห์บุตรและชราภาพ 3% (3 x 10,000) / 100 =300 บาท
ทั้งนี้ หากผู้ประกันตนอายุ 2 ปี และสิ้นสภาพการเป็นลูกจ้าง ขณะส่งเงินสมทบได้ 2 เดือน ประโยชน์ทดแทนกรณีบำเหน็จชราภาพจะได้รับ 300 x 2 = 1,200 บาท
การคำนวณเงินเดือนของผู้ประกันตน ทางสำนักงานประกันสังคมจะทำการคำนวณจากเงินเดือนสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเบื้องต้นเป็นข้อมูลที่มีในระบบ ณ ปัจจุบัน ซึ่งอาจจะไม่รวมยอดที่อยู่ระหว่างการบันทึก เงินสมทบค้างชำระหรือข้อขัดข้องอื่น ๆ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา
เงื่อนไขใหม่ประกันสังคม
นอกจากนี้ ในร่างดังกล่าวยังเพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีอื่น อาทิ เพิ่มเงินทดแทนกรณีขาดรายได้กรณีทุพพลภาพ จากร้อยละ 50 ของค่าจ้าง เป็นร้อยละ 70 ของค่าจ้าง เพิ่มจ่ายเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตรจากเดิม 90 วันเป็น 98 วัน เป็นต้น รวมทั้งแก้ไขขยายอายุขั้นสูงของผู้ประกันตนที่เป็นลูกจ้าง จากเดิม “อายุ 60 ปีบริบูรณ์” เป็น “อายุ 65 ปีบริบูรณ์”
- ขยายอายุลูกจ้างขั้นสูง จาก 60 ปี เป็น 65 ปี
- ปรับมาตรา 33 จากจ่ายเงินสมทบไม่น้อยกว่า 12 เดือน เป็น 48 เดือน
- เงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตรจากเดิมจ่าย 90 วัน เป็น 98 วัน
- เงินทดแทนการขาดรายได้กรณีทุพพลภาพจากเดิมจ่ายร้อยละ 50 เป็นร้อยละ 70
- กรณีสงเคราะห์บุตรให้ได้รับการคุ้มครองต่อไปอีก 6 เดือน นับแต่วันที่สิ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตน
สำหรับขั้นตอนต่อไปหลังจาก พ.ร.บ.ประกันสังคม ฉบับใหม่ผ่านการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว จะส่งไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อตรวจสอบรายละเอียด ก่อนจะส่งไปยังสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป