ราคาน้ำมันดิบ (11 พ.ย. 65) ปรับเพิ่ม หลังสหรัฐเผยเงินเฟ้อ ต.ค.อยู่ที่ 7.7%

ราคาน้ำมันดิบ
Photo by Johannes EISELE / AFP

ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น หลังตัวเลขเงินเฟ้อในสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด ท่ามกลางสถานการณ์ COVID-19 ในจีนที่ยังคงรุนแรง

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา ดังนี้ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนต์ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 1% หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคประจำเดือน ต.ค. ปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเพียง 7.7% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยระดับดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ก.พ. ที่อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นต่ำกว่า 8% ส่งผลให้ตลาดคาดว่า Fed มีแนวโน้มจะปรับลดอัตราการขึ้นดอกเบี้ยลง ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่อสภาวะเศษฐกิจโลก รวมทั้งอุปสงค์น้ำมันในตลาด

โดยราคาน้ำมันเวสต์เทกซัสซื้อขายเมื่อ 10 พ.ย. 2565 อยู่ที่ 86.47 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +0.64 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันเบรนต์อยู่ที่ 93.67 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +1.02 เหรียญสหรัฐ

ตลาดจับตามองสถานการณ์ COVID-19 ซึ่งยังคงรุนแรง โดยในมณฑลกว่างโจว ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตทางตอนใต้ของจีน มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นสูงกว่า 2,000 รายต่อวัน ส่งผลให้ทางการเพิ่มความเข้มงวดของมาตรการปลอดโควิด และขยายเวลาการล็อกดาวน์ ซึ่งอาจส่งผลต่อความต้องการใช้น้ำมันในจีน

ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังในสหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ สู่ระดับ 440.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค. 2564 ทำให้ความกังวลอุปทานตึงตัวในช่วงก่อนหน้าคลายตัวลง เป็นปัจจัยกดดันต่อราคาน้ำมันดิบในตลาด

Advertisment

ราคาน้ำมันเบนซิน

ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่เพิ่มสูงขึ้นในเวียดนามและอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงกดดันจากปริมาณการส่งออกของจีนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในเดือน พ.ย.

ราคาน้ำมันดีเซล

ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันคงคลังในสิงคโปร์ประจำสัปดาห์ สิ้นสุด ณ วันที่ 9 พ.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 สัปดาห์