สภาหอการค้าฯ หวังได้รัฐบาลใหม่เร็ว แก้ปากท้อง–ภัยแล้ง-ใช้งบค้างท่อ

สนั่น อังอุบลกุล ประชุมสัญจรหอการค้า จ.กาญจนบุรี ลุ้นผลโหวตนายกฯ รอบ 2 หวังได้รัฐบาลใหม่เร็ว แก้ 3 โจทย์หลัก ปากท้อง ภัยแล้ง งบประมาณปี 2567 ดันจีดีพีไทยปี 2566 โต 3.5%

วันที่ 15 กรกฎาคม 2566 นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยหลังจากได้มีการจัดประชุมคณะกรรมการบริหารสัญจร ร่วมกับหอการค้าฯ ภาคกลาง 17 จังหวัด ระหว่างวันที่ 13-14 กรกฎาคม 2566 ณ จ.กาญจนบุรี ว่าที่ประชุมได้มีการพูดคุยถึงประเด็นเศรษฐกิจซึ่งต้องการรัฐบาลชุดใหม่เพื่อเข้ามาบริหารจัดการปัญหาต่าง ๆ ที่เป็นความท้าทายอยู่ในช่วงเวลานี้

สำหรับผลการโหวตนายกรัฐมนตรีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จากพรรคก้าวไกลยังไม่สามารถผ่านการลงคะแนนได้ในครั้งแรกนั้น หอการค้าฯ ยังหวังว่าหลังจากนี้พรรคการเมืองจะมีการหารือและทำความเข้าใจร่วมกันโดยยึดผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ และทุกฝ่ายจะให้สนับสนุนให้เกิดรัฐบาลใหม่โดยเร็วที่สุด เพื่อเข้ามาบริหารจัดการปัญหาและความท้าทายของประเทศ 3 ประเด็นเร่งด่วน

ได้แก่ 1) เร่งแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชนและช่วยเหลือ SMEs โดยเฉพาะนโยบายลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มรายได้เพื่อให้ประชาชนมีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการ SMEs ยังต้องการความช่วยเหลือทั้งเรื่องแหล่งเงินให้ง่ายและสะดวกเพื่อฟื้นกิจการ ตลอดจนการปรับการดำเนินงานภาครัฐโดยใช้  Digital Transformation ให้เพิ่มมากขึ้นก็จะช่วยทำให้การบริการของภาครัฐ สะดวก รวดเร็ว และเกิดความโปร่งใสมากขึ้น

2) รับมือปัญหาภัยแล้ง ที่ปีนี้สัญญาณจากเอลนีโญมีความชัดเจน หากรัฐบาลใหม่เข้ามาควรเร่งเตรียมแผนรับมืออย่างจริงจัง เพราะในช่วงที่ผ่านมาภาคเกษตรของไทยราคาปรับตัวดีขึ้น และแนวโน้มความต้องการด้านอาหารจากต่างประเทศที่เป็นโอกาสของประเทศไทย โดยในระยะสั้นควรมีการบูรณาการแผนการใช้น้ำ และการกักเก็บน้ำอย่างเป็นระบบร่วมกับภาคเอกชนเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละจังหวัด โดยเฉพาะในภาคการเกษตรและพื้นที่อุตสาหกรรมที่จะเป็นต้องใช้น้ำมาก ทั้งนี้หากมีการวางแผนที่ดีจะช่วยให้ภาคเกษตรมีผลผลิตตามเป้าหมายและสร้างรายได้เพิ่มให้กับเกษตรกรทั่วประเทศ

3) เร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่ยังค้างท่อรอการเบิกจ่ายให้รวดเร็วมากที่สุด ร่วมถึงจัดทำมาตรการเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจและเติบโตต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี

นายสนั่นกล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้ภาคเอกชนที่เป็นหอการค้าฯ ในต่างจังหวัด ยังมีความมั่นใจและมองว่าเศรษฐกิจไทยยังมีความแข็งแกร่งแม้ว่าการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ยังไม่มีความชัดเจน

ส่วนระหว่างรอจัดตั้งรัฐบาลภาคเอกชนก็ประสานการทำงานกับส่วนราชการต่าง ๆ ในแต่ละจังหวัดอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจในแต่ละจังหวัดไม่หยุดชะงัก ซึ่งจะเห็นได้ว่าภาคการท่องเที่ยวยังเติบโตได้โดดเด่น ในขณะที่การบริโภคของประชาชนและภาคเอกชนเริ่มฟื้นตัว

สอดคล้องกับผลการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่มีการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 40 เดือน หลังจากการท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน และราคาน้ำมันปรับตัวลดลงทำให้ประชาชนรู้สึกผ่อนคลายเรื่องค่าครองชีพลง

อย่างไรก็ตาม หอการค้าฯ มองว่าการจัดตั้งรัฐบาลที่รวดเร็ว นโยบายต่าง ๆ มีทิศทางที่ชัดเจนจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการในประเทศและนักลงทุนต่างประเทศจะกลับมาลงทุนตามปกติ

ขณะที่การชุมนุมและการแสดงออกทางการเมืองที่เกิดขึ้น ถือเป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชนภายใต้ระบบประชาธิปไตยที่สามารถทำได้ และหากอยู่บนพื้นฐานของความสงบเรียบร้อยก็เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ และจีดีพียังจะสามารถเติบโตตามเป้าหมายที่คาดไว้ 3-3.5%