ราคาน้ำมันดิบ (1 พ.ย. 66) ปรับลด ตัวเลขผลิตของโอเปกปรับเพิ่มขึ้น

ราคาน้ำมันดิบ

ราคาน้ำมันดิบวันนี้ปรับลดลง จากความคลายกังวลของสถานการณ์ในตะวันออกกลาง รวมถึงตัวเลขการผลิตของโอเปกที่ปรับเพิ่มขึ้น

วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ. ไทยออยล์ ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคามีดังนี้ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนต์ปรับลดลง เนื่องจากตลาดกังวลด้านอุปทานในตะวันออกกลางน้อยลง หลังมีข่าวว่ากลุ่มฮามาสเตรียมปล่อยตัวประกันชาวต่างชาติเพิ่มเติม หลังจากบางประเทศเข้ามาเจรจาผ่านตัวกลาง

นอกจากนี้ รายงานตัวเลขการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกก็ปรับเพิ่มขึ้น 180,000 บาร์เรลต่อวัน ในเดือน ต.ค. 66 จากการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นของไนจีเรียและแองโกลา

สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตหดตัวลงในเดือน ต.ค. 66 สู่ระดับ 49.5 จากระดับ 50.2 ในเดือน ก.ย. 66 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอาจจะอยู่ที่ระดับ 50.2 โดยดัชนีที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตอยู่ในภาวะหดตัว ในส่วนดัชนี PMI ภาคบริการก็ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 50.6 ในเดือน ต.ค. 66 จากระดับ 51.7 ในเดือน ก.ย. 66

สำนักงานสถิติยุโรป (Eurostat) คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อในเขตยูโรโซนเดือน ต.ค. 66 จะลดลงอยู่ที่ระดับ 2.9% (ต่ำสุดในรอบ 2 ปี) จากระดับ 4.3% ในเดือน ก.ย. 66 ซึ่งอาจทำให้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเร็ววันนี้

ราคาน้ำมันเบนซิน

ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังฟิลิปปินส์มีนโยบายเพิ่มอัตราส่วนผสมเอทานอลในน้ำมันเชื้อเพลิงเป็น 20% ตามความสมัครใจ จากเดิมที่บังคับไว้ที่ 10% เพื่อลดราคาน้ำมันเบนซินในประเทศ นอกจากนี้ โรงกลั่น Formosa ในไต้หวันมีแผนจะกลับมาดำเนินการผลิต (บางส่วน) อีกครั้งในเดือน พ.ย. 66 ภายหลังจากการปิดซ่อมบำรุง

ราคาน้ำมันดีเซล

ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังแนวโน้มการใช้น้ำมันในภูมิภาคมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงกังวลข้อมูลด้านเศรษฐกิจของจีน ภายหลังตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) หดตัวลงสู่ระดับ 49.5 ในเดือน ต.ค. 66 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนอยู่ในภาวะหดตัว