สัมภาษณ์
ย่างเข้าสู่ 128 ปี สำหรับกลุ่มโอสถสภา แบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภคสัญชาติไทยที่มีความแข็งแกร่งทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศ “นางวรรณิภา ภักดีบุตร” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ให้สัมภาษณ์ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงทิศทางและภาวะตลาดในปีนี้ว่า
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
- NETA X ขายมิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
ทิศทางตลาดปี”62
ทิศทางตลาดส่งออกมีแนวโน้มที่ดี โดยเราจะเน้นประเทศเมียนมา ลาว และกัมพูชาเป็นหลัก เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีอัตราการเกิดสูง โดยสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์เด็กมีการเติบโตดีมาก ส่วนตลาดในประเทศมีแนวโน้มที่ดีเช่นกัน โดยในปีนี้ บริษัทได้เปิดเตาหลอมแก้วที่ปิดซ่อมไป ทำให้สามารถกลับมาผลิตรับสินค้า (OEM) ได้ตามปกติ ตลาดเครื่องดื่มยังคงมีแนวโน้มเติบโต โดยเฉพาะในกลุ่ม functional drink ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น ส่งผลให้ C-vitt เครื่องดื่มวิตามินซีสูงเป็นอันดับหนึ่งของตลาดนี้ มีส่วนแบ่งตลาด 25% เราคาดว่าหลังจากการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นจะทำให้ภาวะเศรษฐกิจของไทยปรับตัวดีขึ้น
ผลประกอบการปี 2561
ยอดขายในไตรมาส 4 ปี 2561 พิกอัพขึ้นมา ส่งผลให้บริษัทสามารถทำกำไรสุทธิ 789 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 269% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2560 ที่มีกำไรสุทธิ 214 ล้านบาท จากความสำเร็จโครงการ Fitness First ช่วยให้การบริหารจัดการด้านต้นทุนการผลิตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาพรวมกำไรสุทธิในปี 2561 ทำได้ 3,005 ล้านบาท เป็นไปตามแผนที่วางไว้
ขณะที่ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มในประเทศนั้นประสบความสำเร็จตามแผน โดยสินค้าเครื่องดื่มบำรุงกำลังยังคงรักษาส่วนแบ่งตลาดได้ เช่น เครื่องดื่มเอ็ม-150 มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 37.9% จากเดิม 37% และเครื่องดื่มซี-วิต มีส่วนแบ่งตลาด 25% อันดับ 1 ในตลาดเครื่องดื่มที่มีการเติมส่วนผสม (functional drink) ซึ่งรายได้รวมของเครื่องดื่มในประเทศ (รวมซี-วิตและคาลพิส) ในไตรมาส 4/61 ขยายตัว 6.5% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/60
กลุ่มของใช้ส่วนบุคคลเติบโตขึ้น 7.2% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยสินค้าผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก เบบี้ มายด์ และทเวลฟ์ พลัส ทั้งในประเทศ และในตลาดกัมพูชา ลาว และเมียนมา แม้ว่าประสบปัญหาภาวะเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นก็ตาม
จ่ายปันผล 2 พันล้าน
ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2562 มีมติให้จ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานในปี 2561 อัตราหุ้นละ 0.39 บาท ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2562 ซึ่งกำหนดขอมติอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 ในวันที่ 24 เมษายนนี้
และหากรวมกับการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ได้จ่ายไปแล้ว 0.30 บาท เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมา ส่งผลให้รอบการดำเนินงานทั้งปี 2561 จ่ายเงินปันผลรวม 0.69 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น 2,072.6 ล้านบาท หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
แผนการลงทุนในปี 2562
บริษัทได้มีการคิดค้นสูตรเครื่องดื่มใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มคุณสมบัติให้ผลิตภัณฑ์ เช่น การเพิ่มสมุนไพร และเพิ่ม 2-4 NPDs ในกลุ่ม functional drink รวมถึงการพัฒนาเครื่องดื่มสูตรที่มีปริมาณน้ำตาลต่ำ ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลได้มีการคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อาทิ สินค้าหมวด facial, skincare
นอกจากนี้ บริษัทเน้นการบริหารจัดการต้นทุนที่ผ่านมา ได้ลดต้นทุนการผลิตต่าง ๆ ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ในปีนี้จึงยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำกำไรที่ได้เพิ่มจากการลดต้นทุนมาใช้ในการลงทุน และคืนผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้น และเน้นเพิ่มยอดขายของธุรกิจ OEM หลังจากที่เราเปิดเตาหลอมแก้วที่ได้ปิดซ่อมไป
ขยายการลงทุนในอาเซียน
ในส่วนของการลงทุนโรงงานผลิตเครื่องดื่มที่นิคมติละวา กรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทได้เข้าลงทุนร่วมกับบริษัท ลอย เฮง จำกัด ซึ่ง OSP ถือหุ้นสัดส่วน 85% นั้นถือว่ามีความคืบหน้าในการก่อสร้างมาก การดำเนินงานเป็นไปตามแผน คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จ และสามารถดำเนินการผลิตได้ในช่วงปลายปีนี้