จดทะเบียนธุรกิจเริ่มฟื้น ม.ค.ปี 64 โต 5% หวังวัคซีนกระตุ้นเศรษฐกิจ

จดทะเบียนธุรกิจเดือนแรกยอดพุ่ง
ภาพโดย Sozavisimost from Pixabay

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยยอดบริษัทตั้งใหม่เดือน ม.ค. 2564 เพิ่มขึ้น 5% ทั้งปีตั้งเป้า 64,000-66,000 ราย โดยต้องติดตามจากปัจจัยเศรษฐกิจ –วัคซีนโควิด-19 หนุนการจดทะเบียนธุรกิจการค้า

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดผยการจดทะเบียนธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนมกราคม 2564 พบว่า มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศ จำนวน 7,283 ราย เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 30,930.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่ ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 634 ราย คิดเป็น 9% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 299 ราย คิดเป็น 4% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจขนส่งและขนถ่ายสินค้า จำนวน 192 ราย คิดเป็น 3%

ส่วนธุรกิจเลิกประกอบกิจการเดือนมกราคม 2564 มีจำนวน 1,105 ราย ลดลง 21% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 7,910.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 102% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีกอ่น ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเลิกกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 100 ราย คิดเป็น 9% รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 52 ราย คิดเป็น 5% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 39 ราย คิดเป็น 4%

ทั้งนี้ ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น ณ เดือนมกราคม 2564 มีจำนวน 775,253 ราย มูลค่าทุน 19.22 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 188,595 ราย คิดเป็น 24.33% บริษัทจำกัด จำนวน 585,374 ราย คิดเป็น 75.51% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,284 ราย คิดเป็น 0.17%

สำหรับเป้าหมายปี 2564 กรมฯ ได้ตั้งเป้าหมายการจดทะเบียนตั้งธุรกิจใหม่ที่ 64,000-66,000 ราย โดยยังต้องติดตามการประเมินเศรษฐกิจไทยในปีนี้ การฉีดวัคซีนโควิด-19 เศรษฐกิจการค้าโลกฟื้นตัว มาตรการต่างๆของภาครัฐ

ส่วนการลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าว เดือนมกราคม 2564 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น มีจำนวน 49 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ จำนวน 21 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ จำนวน 28 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 10,748 ล้านบาท โดยมีนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น จำนวน 20 ราย เงินลงทุน 3,746 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ สิงคโปร์ จำนวน 7 ราย เงินลงทุน 275 ล้านบาท และจีน จำนวน 4 ราย เงินลงทุน 1,399 ล้านบาท

นายทศพล กล่าวอีกว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ให้บริการออกหนังสือรับรองและรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคล (DBD e-Service) โดยการลงลายมือชื่อทางอิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) ของนายทะเบียน มาตั้งแต่ปี 2561 ซึ่งกำหนดให้มีช่องทางการรับเอกสารได้ 4 ช่องทาง

คือ 1) รับด้วยตนเอง 2) รับที่ธนาคารพาณิชย์ที่เข้าร่วมโครงการ 3) รับทางไปรษณีย์ EMS และ 4) รับเป็นไฟล์เอกสาร (e-Certificate File) โดยเอกสารที่ให้บริการดังกล่าวถือเป็นรูปแบบการลงลายมือชื่อทางอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความปลอดภัยสามารถตรวจสอบได้ และมีผลทางกฎหมายตามมาตรา 9 และมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 เช่นเดียวกับลายมือชื่อบนกระดาษที่ใช้กันโดยทั่วไป

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการสามารถตรวจสอบหนังสือรับรองนิติบุคคลรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ได้จาก QR Code และ Ref.No. ที่ปรากฏตรงส่วนล่างของหนังสือฯ โดยต้องมีข้อมูลปรากฏตรงกัน และในส่วนของรูปแบบกระดาษ สามารถตรวจสอบได้จาก 1) QR Code 2) Ref.No. 3) Micro Text ข้อความขนาดเล็ก ซึ่งหากถ่ายสำเนาจะไม่สามารถอ่านได้ และ 4) ลายน้ำตราสัญลักษณ์ DBD ต้องคมชัด ซึ่งหากนำเอกสารตัวจริงไปถ่ายสำเนาจะมีสีเข้มขึ้น ไม่คมชัด

นอกจากนี้ กรมฯ ได้ให้บริการฯ โดยใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ในทุกช่องทางการบริการ ทดแทนการลงลายมือชื่อด้วยหมึกปากกาของนายทะเบียนเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2564 โดยเริ่มนำร่องที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สนามบินน้ำ และสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าทั้ง 6 เขต ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งการให้บริการดังกล่าว เป็นการให้บริการเฉพาะนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครเท่านั้น ยังไม่ครอบคลุมในส่วนภูมิภาค

กรมฯ จึงมีนโยบายขับเคลื่อนการให้บริการด้วยลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ของนายทะเบียนขยายไปสู่ส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ภาคธุรกิจ ลดการเดินทาง ลดต้นทุน เสริมสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจต่อทุกภาคส่วน

โดยเร่งดำเนินการให้สำนักงานพาณิชย์ทั่วประเทศสามารถให้บริการออกหนังสือรับรองและรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคล โดยใช้ลายมือชื่อทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ รวมทั้ง ในอนาคตจะสามารถใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ในการให้บริการส่วนอื่นๆ ต่อไป

“กรมฯ ได้ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการนำลายมือชื่อทางอิเล็กทรอนิกส์ไปให้บริการในส่วนภูมิภาค โดยจะมีการอบรมให้ความรู้ และให้คำปรึกษาการใช้ลายมือชื่อทางอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึง การตอบข้อซักถามจากเจ้าหน้าที่ผู้ใช้งานอย่างละเอียด และมีแผนจะเปิดให้บริการเป็น 2 ระยะ คือ ระยะแรก (ประมาณกลางปี 2564) จะให้บริการ ณ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดในเขตปริมณฑล

โดยจะทำการประเมินผล วิเคราะห์ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น และดำเนินการปรับปรุงเพื่อให้การใช้งานมีความสมบูรณ์มากที่สุด หลังจากนั้น ระยะที่ 2 จะเปิดให้บริการ ณ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งจะได้มีการประเมินผลเป็นระยะ”

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองข้อมูลธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โทร 0 2547 5994, 0 2547 5160 e-Mail : [email protected] สายด่วน 1570 และ www.dbd.go.th