ซีพีเอฟ ชี้เทรนด์เนื้อจากพืชโตแรง ตั้งเป้าดัน MEAT ZERO สู่ระดับโลก 

ซีพีเอฟ มั่นใจ เทรนด์อาหารเนื้อจากพืช หรือ Plant-Based meat เติบโตอย่างรวดเร็ว ตอบโจทย์คนกลุ่ม Flexitarian หรือกลุ่มมังสวิรัติยืดหยุ่น กลุ่มคนรักสุขภาพ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดันแบรนด์ MEAT ZERO เปิดตัวใน จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีภายในปีนี้ สู่การเป็นผู้นำตลาดเอเชีย ขึ้น Top 3 ตลาดโลกใน 3-5 ปี 

วันที่ 28 มกราคม 2565 นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหารบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด(มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ได้ร่วมบรรยายพิเศษในหัวข้อ Plant Based Foods, the game changers for food industry ในงาน Health and Wellness : The trends and future potential of food industry โดยระบุว่า อาหารกลุ่มแพลนต์เบส จะเป็นสินค้าสำคัญสำหรับผู้ผลิตอาหารในอนาคต 

เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของผู้บริโภคในกลุ่ม Flexitarian ที่ลดการกินเนื้อสัตว์ และกลุ่มรักสุขภาพ นอกจากนี้ การผลิตเนื้อจากพืช ยังดีต่อสุขภาพ และช่วยลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม รวมถึงยังไม่มีข้อจำกัดด้านสวัสดิภาพสัตว์

อีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญก็คือการสร้างความมั่นคงทางอาหาร เพราะนวัตกรรมเนื้อจากพืช จะช่วยรองรับการเติบโตของประชากรโลก ให้มีทางเลือกของอาหารมากขึ้น รวมถึงการที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาในอนาคตจะช่วยให้การพัฒนานวัตกรรมเนื้อจากพืชให้สามารถผลิตได้ง่าย มีรสอร่อย และรสสัมผัสที่เหมือนเนื้อสัตว์ยิ่งขึ้น

“ซีพีเอฟ มองว่าโปรตีนจากพืช เป็นเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน การเข้ามาในอุตสาหกรรมนี้จะสอดรับกับกลยุทธ์ของบริษัทในการผลิตอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม” นายบระสิทธิ์ กล่าว 

ซีพีเอฟ ได้พัฒนาเนื้อจากพืช ภายใต้แบรนด์ MEAT ZERO โดยได้จับมือกับพาร์ทเนอร์จากหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และอเมริกา  และนำความรู้มาพัฒนานวัตกรรม “PLANT-TEC” เพื่อให้ได้เนื้อทางเลือกที่มีความเหมือนหรือดีกว่าเนื้อสัตว์ ทั้งลักษณะ รส กลิ่น จนถึงเนื้อสัมผัส และซีพีเอฟอยู่ระหว่างศึกษาการผลิตเนื้อทางเลือก ด้วยพืชชนิดต่างๆ เพื่อทดแทนการใช้ถั่วเหลืองเป็นหลัก เพื่อสร้างอาหารที่มีคุณค่าที่หลากหลายมากขึ้น 

นายประสิทธิ์ได้กล่าวต่อว่า ซีพีเอฟ ตั้งเป้าหมายผลักดัน MEAT ZERO สู่การเป็นแบรนด์ระดับโลก โดยในปัจจุบัน ซีพีเอฟได้เริ่มขยายการส่งออกไปยังสิงคโปร์และฮ่องกง และในปีนี้ซีพีเอฟ มีแผนจะขยายตลาดเอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น และ เกาหลี และจะผลักดันสินค้าเข้าสู่ตลาดอเมริกา และยุโรป เพื่อมุ่งสู่การเป็นแบรนด์เนื้อจากพืช Top 3  ของโลก