ผอ.เซนต์คาเบรียลประกาศยุติบทบาทบริหาร หลัง น.ร.-ผู้ปกครองชุมนุมขับไล่กว่า 6 ชม.

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนครู ผู้ปกครอง ศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบัน รวมตัวกันสวมชุดดำบริเวณสนามมาร์ตินเดอร์ตูรส์ ซึ่งเป็นสนามหญ้าของโรงเรียน พร้อมชูป้ายข้อความ “เซฟเอสจี (#SAVESG)” และป้าย “ขอคำชี้แจงจากนักโภชนาการที่ได้รับการแต่งตั้ง” และ “ภาพป้ายถาดอาหาร” โดยเครือข่ายผู้ปกครอง ศิษย์เก่า และศิษย์ปัจจุบัน ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ภราดาวินัย วิริยวิทยาวงศ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนเซนต์คาเบรียล ชี้แจงการบริหารงบประมาณ และพัฒนาการศึกษา หลังเกิดข้อสงสัยถึงปัญหาการทำงานกว่า 5 ปี ใน 3 ประเด็น ได้แก่ 1.คุณภาพโภชนาการอาหารกลางวันสำหรับเด็กเล็ก ซึ่งไม่เพียงพอ 2.การใช้งบที่ระดมทุนจากผู้ปกครองไปในกิจกรรมไม่เหมาะสม 3.เรื่องคุณภาพการศึกษา ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา พบว่าผลสัมฤทธิ์การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ต) ตกต่ำอย่างเห็นได้ชัด จากในอันดับท็อปเท็นของประเทศ ปัจจุบันตกลงมาอยู่ที่อันดับที่ 56

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ นอกจากแถลงการณ์จะกล่าวหาผู้บริหารว่ามีพฤติกรรม และการบริหารงานไม่เหมาะสม ยังกล่าวหาว่านำเงินโรงเรียน 70 ล้านบาท ไปลงทุนในนามส่วนบุคคล

จากนั้นเวลา 10.00 น. ตัวแทนผู้ปกครอง ศิษย์เก่า และนักเรียนปัจจุบันจำนวนหนึ่ง ได้ขึ้นมายังห้องประชุมมาร์ติน 5 ชั้น 3 ของตึกอำนวยการ เพื่อพบภราดาวินัย โดยทางโรงเรียนได้เชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สามเสน มาดูแลความสงบเรียบร้อย ระหว่างนั้นมีตัวแทนผู้ปกครองระบุว่าเรื่องภายในบ้านขอคุยกันเอง ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกไป

ตัวแทนผู้ปกครองคนหนึ่ง กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ภราดาวินัยชี้แจงข้อเรียกร้องประเด็นต่างๆ ภายใน 7 วัน อาทิ เรื่องคุณภาพของอาหารกลางวัน มีการใช้จ่ายงบค่าอาหารกลางวันอย่างไร ต้องให้เจ้าหน้าที่ที่ดูแลโภชนาการของเด็กลาออก โดยก่อนหน้านี้ได้ทำหนังสือประเด็นเรื่องโภชนาการ แต่ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสมาร่วมงานที่โรงเรียน จึงได้ดูในส่วนของโภชนาการที่นักเรียนได้รับ ซึ่งรับไม่ได้จริงๆ เพราะไม่เหมาะสม โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเล็ก ที่คุณภาพไม่เป็นไปตามมาตรฐาน และได้ส่งหนังสือขอคำชี้แจงในกรณีนี้แล้ว กลับไม่ได้รับคำตอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการหารือเป็นไปด้วยความวุ่นวายอย่างหนักตลอด 1 ชั่วโมง เนื่องจากผู้ปกครอง และศิษย์เก่าจำนวนหนึ่งตะโกนขับไล่อยู่บ่อยครั้ง โดยเรียกร้องให้ภราดาวินัยแสดงสปิริต เขียนหนังสือถึงมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทย เพื่อขอยุติบทบาท และเป็นตัวอย่างของการเป็นผู้นำที่ดี รวมถึงแสดงธรรมาภิบาล อีกทั้งกล่าวหาว่าจัดงานวันเกิด และมีเครื่องดื่มที่ไม่เหมาะสมในสถานศึกษา ประกอบกับระบบเสียงในห้องประชุมมีปัญหา ทำให้ไม่ได้ยินการชี้แจงของภราดาวินัย จนเกิดการตะโกนต่อว่า จนแกนนำเครือข่ายต้องห้ามปรามบ่อยครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ต่อมาเวลา 11.00 น. ภราดาวินัยได้ชี้แจงว่า เมื่อเกิดปัญหาลักษณะแบบนี้ ต้องหาทางยุติให้ดีขึ้น ทั้งนี้ ส่วนตัวเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้ประกาศเสมอว่าบริหารงานโรงเรียนด้วย management open door มากว่า 40 ปี ในทุกโรงเรียนที่ไปบริหาร ผู้ปกครอง นักเรียน และครู ไปสอบถามโรงเรียนอื่นๆ ได้ ที่บอกว่าส่งหนังสือร้องเรียนมาหลายครั้งแล้วไม่ได้รับคำตอบ ถ้าเป็นจริงก็ขออภัย ตนไม่ได้เจตนา แต่ไม่น่าจริง เพราะหนังสือต่างๆ คำร้องเรียน จะถูกนำเข้าที่ประชุมของคณะกรรมการบริหารโรงเรียนทุก 2 สัปดาห์ เพื่อหารือถึงปัญหา และวิธีแก้

“ทุกท่านเช็กประวัติผมได้ในการให้ข้อเท็จจริงสื่อ ผมไม่เคยหนี ผมอยู่หน้าโรงเรียนมาตั้งแต่ 7 โมงเช้า มาคอยรับนักเรียน ซึ่งพวกท่านก็จัดกิจกรรมที่สนาม และคนที่ออกมาขับไล่ผม คือส่วนหนึ่ง แต่รู้หรือไม่ มีอีกส่วนหนึ่งที่ขอให้มาสเตอร์อยู่” ภราดาวินัย กล่าว

นายดุละดิลก ดุละลัมพะ นายกสมาพันธ์สมาคมศิษย์เก่าคณะเครือเซนต์คาเบรียล กล่าวว่า เห็นด้วยกับข้อเสนอที่ให้ผู้อำนวยการโรงเรียนต้องชี้แจงเรื่องต่างๆ ทั้งหมดภายใน 7 วัน ส่วนข้อเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่ง เป็นอำนาจของคณะมูลนิธิเซนต์คาเบรียล ผู้อำนวยการโรงเรียนไม่สามารถลาออกเองได้

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า อย่างไรก็ตาม การชี้แจงของภราดาวินัยไม่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีการตะโกนโห่ร้องหลายครั้ง เมื่อจะขอหาข้อยุติ ภราดาวินัย และแกนนำจึงขอหารือในห้องประชุมประมาณ 10 นาที โดยมีผู้สื่อข่าวร่วมรับฟังด้วย แต่ขอให้นักเรียน และผู้ปกครองลงไปรอข้างล่าง ทำให้ผู้ปกครองไม่พอใจ ในที่สุดทั้งหมดได้ขอให้ผู้สื่อข่าวออกมารอด้านนอกด้วย และเมื่อหารือกันแล้ว ภราดาวินัยจะลงไปชี้แจงต่อนักเรียน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นเวลา 12.50 น. ที่บริเวณโถงอาคารเดอร์ ภราดาวินัยได้ลงมาพบกับผู้ปกครอง ศิษย์เก่า และศิษย์ปัจจุบัน โดยกล่าวว่า อยากบอกนักเรียน ครู และผู้ปกครองทุกท่าน ที่อยู่ และไม่อยู่ ตลอดเวลาที่ผ่านมามีความหวังดีมาตลอด และไม่หวังว่าที่เราทำดีที่สุดจะถูกใจทุกคน ซึ่งมีข้อเสนอให้ตน 2 ประการ คือ ชี้แจงการบริหารงาน และข้อเรียกร้องให้ยุติบทบาท ทั้งนี้ ยินดีให้ตรวจสอบทุกเรื่อง แต่ขอฝากให้ตัวแทนทั้ง 7 คน ทำหนังสือร้องเรียนอย่างเป็นทางการด้วย ขณะเดียวกันจะทำหนังสือถึงมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทย เพื่อแจ้งว่ามีผู้ประสงค์ให้ยุติบทบาท พร้อมแจ้งขอยุติบทบาทชั่วคราวจนกว่าการตรวจสอบจะแล้วเสร็จ

“ข้อเรียกร้องที่ทุกคนต้องการคือให้ผมให้ยุติบทบาทผู้อำนวยการโรงเรียน มีบางคนอ้างถึงในอดีตที่ผมเคยพูดว่า ถ้าเซนต์คาเบรียลไม่ต้องการผม ผมจะไปเอง ยังยืนยันคำนั้นอยู่ แต่ขอเวลาคุย สิ่งใดที่ผมทำ ผมทำด้วยใจเสียสละสุดๆ เสียงสะท้อนมาไม่เชื่อ ผมพูดไม่เชื่อ ไม่เป็นไร ผมพยายามยอมรับได้ ที่ให้ตรวจสอบเรื่องต่างๆ ผมยินดี เพื่อการตรวจสอบอย่างสบายใจ ไม่มีอิทธิพลครอบงำ ให้ผมถอยผมก็ยินดี เห็นหรือไม่ผมไม่ใช่คนดื้อรั้น และที่อยู่ตรงนี้มีกี่คน ทั้งหมดมี 5,000 คน โรงเรียนยังมีประชากรอีก 80-90% ไม่ได้อยู่ที่นี่ หากมาบอกให้บราเดอร์ยังอยู่ จะทำอย่างไร” ภราดาวินัย กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อภราดาวินัยกล่าวเสร็จ ได้เดินออกจากบริเวณดังกล่าวทันที ทั้งนี้ ระหว่างที่ภราดาวินัยชี้แจง มีเสียงตะโกน และไล่เป็นระยะ โดยมีเรียกร้องให้ภราดาวินัยต้องยุติอำนาจการบริหารทุกอย่างภายในวันนี้ เนื่องจากกังวลว่าจะมีผลกระทบต่อนักเรียน และครูที่ออกมาเรียกร้อง และจะแยกย้ายกันหลังเห็นหนังสือยื่นขอยุติบทบาทของภราดาวินัย ซึ่งการชุมนุมครั้งนี้ยืดเยื้อกว่า 6 ชั่วโมง

ด้านนายเกษม แจ่มนิลกุล ตัวแทนผู้ปกครอง กล่าวว่า จากการหารือก่อนหน้านี้ ภราดาวินัยยินดีรับข้อเสนอทั้ง 2 เรื่อง และยินดียุติบทบาทผู้อำนวยการโรงเรียน ซึ่งเป็นเรื่องดี เพื่อเปิดโอกาสให้คนนอก หรือส่วนกลาง เข้ามาทำหน้าที่ตรวจสอบ โดยภราดาวินัยจะทำหนังสือยุติบทบาทวันนี้ แต่จะมีผลเมื่อใดขึ้นกับการพิจารณาของคณะภราดาเซนต์คาเบรียล ซึ่งตอบไม่ได้ แต่เมื่อผลออกมาเช่นนี้ ในฐานะผู้ปกครองถือว่าดีแล้ว ส่วนจะส่งใครมาบริหารงานแทน พวกตนไม่ขัดข้อง

“การตรวจสอบข้อเรียกร้องนั้น เครือข่ายผู้ปกครอง ครู และนักเรียน จะส่งเอกสารให้ตรวจสอบตามที่เรียกร้อง ซึ่งตามกระบวนการทางคณะเซนต์คาเบรียลจะแต่งตั้งผู้ตรวจสอบ ไม่กังวลว่าเป็นพวกเดียวกันจะช่วยเหลือกัน ส่วนกำหนดกรอบระยะเวลานั้นยังตอบไม่ได้ เพราะยังไม่ได้ส่งเอกสารเลย และคงต้องรอกระบวนการของโรงเรียน คือให้ปิดภาคเรียนก่อนแล้วตรวจสอบ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับนักเรียน ทั้งนี้ จากการหารือ ยืนยันว่าครู และนักเรียนที่ออกมาเรียกร้อง จะไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด” นายเกษมกล่าว

ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นายพะโยม ชิณวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) กล่าวว่า การแก้ปัญหาเรื่องนี้ ถือว่าอยู่ในอำนาจของคณะกรรมการบริหารสถานศึกษา เพราะโรงเรียนเซนต์คาเบรียลมีสถานะเป็นนิติบุคคล ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมสังเกตการณ์ หากทางโรงเรียนต้องการใช้ สช.ร่วมเป็นกรรมการตรวจสอบเรื่องใด ก็พร้อมที่จะช่วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า สช.จะตั้งคณะกรรมการสืบสวนเรื่องดังกล่าวหรือไม่ นายพะโยมกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นอำนาจของคณะกรรมการบริหารสถานศึกษา สช.จะเข้าไปตรวจสอบได้ก็ต่อเมื่อมีการทำผิด พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน ส่วนเรื่องนี้เป็นความไม่พอใจของครู นักเรียน และผู้ปกครอง คณะกรรมการบริหารสถานศึกษามีอำนาจดำเนินการแก้ไขปัญหาได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช้อำนาจของ สช.

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า มีข้อกล่าวหาเรื่องการตั้งผู้เชี่ยวชาญไม่โปร่งใส และใช้เงินโรงเรียนไปลงทุนในชื่อส่วนบุคคล นายพะโยม กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด แต่เท่าที่ดูเบื้องต้น อยู่ในอำนาจของโรงเรียนที่จะดำเนินการได้

 

ที่มา : มติชนออนไลน์