“วีระกุล” วอน ครม.เคาะ 2.3 พันล.อุ้มองค์การค้าฯ หึ่งล็อกสเปกประมูลพิมพ์หนังสือเรียน

จากกรณีที่ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของบประมาณกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ปี 2562 จำนวน 2,390 ล้านบาท เพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้กับองค์การค้า ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ขณะที่ทางองค์การค้าฯ เตรียมเปิดประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ หรืออี-บิดดิ้ง วันที่ 20 กุมภาพันธ์นี้ ทำให้เกิดข้อกังวลว่า อาจจะไม่มีโรงพิมพ์เอกชนเข้าร่วมประกวดราคา เนื่องจากทาง สกสค. ยังไม่สามรถหาเงินมาชำระหนี้ค่ากระดาษและค่าพิมพ์จำนวน 941 ล้านบาทมาใช้คืนได้ตามกำหนดในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้น

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ นายวีระกุล อรัณยะนาค ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการองค์การค้าของ สำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) กล่าวว่า องค์การค้าฯ มีการดำเนินการประกาศหาผู้รับจ้างมาพิมพ์หนังสือเรียนด้วยวิธีอี-บิดดิ้ง ผ่านเว็บไซต์ของกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง (กค.) ไปแล้วประมาณ 1 เดือน และกำหนดให้ยื่นซองประกวดราคาในวันที่ 20 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งส่วนตัวมั่นใจว่าจะมีโรงพิมพ์เอกชนเข้าร่วมประมูลแน่นอน และได้เชิญขวนทุกคนเข้ามาร่วมประกวดราคาทั้งรายที่เป็นเจ้าหนี้ และโรงพิมพ์เอกชนรายใหม่

นายวีระกุลกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ นพ.ธีระเกียรติ จะของบฯกลาง 2,390 ล้านบาท มาช่วยชำระหนี้ตามคำพิพากษานั้น ยอมรับว่า หาก ครม.ไม่อนุมัติก็คงกระทบการบริหารจัดการขององค์การค้าฯ แต่องค์การค้าฯ ก็มีแผนในการบริหารจัดการหนี้ไว้บางส่วนแล้ว ขณะที่คณะกรรมการ สกสค.เคยมีมติให้องค์การค้าฯ บริหารจัดการทรัพย์สินที่มีเพื่อให้เกิดสภาพคล่องได้ โดยภาพรวมเฉพาะที่ดินขององค์การค้าฯ มีมากกว่า 1 หมื่นล้าน และที่ผ่านมา องค์การค้าฯ เปิดประมูลให้เช่าที่ดินย่านลาดพร้าวมาแล้ว 3 ครั้ง แต่ไม่มีผู้เข้าร่วมประมูล ส่วนใหญ่เห็นว่าราคาสูงเกินไป โดยราคาที่ตั้งไว้คือ เปิดให้เช่าในราคา 360 ล้านบาท ระยะเวลา 30 ปี ซึ่งราคานี้เป็นราคาที่ผ่านการประเมินจากบริษัทผู้ประเมินที่เชี่ยวชาญ

นายนิวัติชัย แจ้งไพร ประธานสหภาพแรงงานองค์การค้าของคุรุสภา กล่าวว่า การปรับลดจำนวนวบุคลากร เป็นไปตามมติคณะกรรมการบริหารองค์การค้าฯ ซึ่งมีมาตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งขณะนี้จำนวนพนักงานลดไปแล้วหลายพันคน โดยทางสหภาพฯ เองไม่ได้นิ่งเฉย แต่รอดูแนวทางแก้ไขปัญหาขององค์การค้าฯ และ สกสค. ซึ่งเท่าที่ดูขณะนี้ยังไม่กระทบกับสหภาพฯ มากนัก ทั้งนี้ในส่วนของการบริหารงาน เห็นได้ว่า ศธ.ส่งข้าราชการที่ไม่ชำนาญด้านธุรกิจ การค้า พอมีปัญหาอะไรก็จะกู้สถาบันการเงิน เพื่อแก้ปัญหาตลอด ทั้งที่ความจริงแล้ว หากบริหารดี ๆ องค์การค้าฯ สามารถเดินได้ด้วยตัวเอง ส่วนที่จะของบประมาณกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ปี 2562 จำนวน 2,390 ล้านบาท เพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาของศาล และเป็นเงินพนักงานอีกจำนวน 540 ล้านบาทนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย การของบฯ อาจต้องใช้เวลาพิจารณานาน ดังนั้นอาจไม่ทันต่อการแก้ปัญหา ขณะนี้องค์การค้าฯ กำลังวิกฤตอย่างหนัก ดังนั้นจึงต้องหาแนวทางที่เหมาะสม

“สำหรับการเปิดให้โรงพิมพ์เอกชนเข้าร่วมประกวดราคาวันที่ 20 กุมภาพันธ์นี้นั้น คงคาดการณ์ไม่ได้ว่าจะมีโรงพิมพ์เอกชนเข้าร่วมหรือไม่ แต่มีเริ่มมีคนร้องเรียนแล้วว่า องค์การค้าฯ มีการล็อกสเปก โดยการประมูลควรจะมีการเปิดกว้าง อิสระ และโปร่งในตรงไปตรงมา” นายนิวัติชัยกล่าว

 

 

ที่มา : มติชนออนไลน์