เขาคือใคร? “อีลอน มัสก์” ชายผู้วาดฝันพามนุษย์ไปดาวอังคาร กับแนวคิดจากโลกอนาคต

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ข่าวการระดมช่วยเหลือ 13 ชีวิตทีมหมูป่าอคาเดมี่ที่ถ้ำหลวงได้รับความสนใจไปทั่วโลก โดยมีหน่วยงาน เจ้าหน้าที่ ทั้งไทยเเละเทศเข้าร่วมปฏิบัติภารกิจกันอย่างมาก และสิ่งที่คาดไม่ถึงเมื่อมหาเศรษฐีระดับโลกอย่าง “อีลอน มัสก์” ประกาศผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่าจะส่งทีมวิศวกรของ “สเปซเอ็กซ์” (SpaceX) และ บอริง คอมพานี (Boring) เข้าช่วยเหลือ ร่วมด้วย

ด้วยการผลิตเรือดำน้ำจิ๋วที่ดัดแปลงจากท่อออกซิเจนเหลวของจรวดฟอลคอน เพื่อเป็นเครื่องมือในการนำเอาเด็กๆ จากทีมหมูป่า อะคาเดมี่ ออกจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย โดยที่เด็กๆ ไม่ต้องทำอะไร เพียงแค่นอนนิ่งๆ ภายในเรือดำน้ำจิ๋วนี้เท่านั้น ก็จะช่วยลดอันตรายในการนำเด็กออกมาได้ ดีกว่าให้เด็กดำน้ำออกมา และสามารถผ่านช่องแคบๆ ได้ อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบามาก ทำให้นักดำน้ำ 2 คนสามารถหิ้วได้ ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม อีลอน มัสก์ ได้ทวีตข้อความพร้อมภาพการทดสอบการใช้เรือดำน้ำจิ๋วดังกล่าว ที่สระว่ายน้ำแห่งหนึ่งในนครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา

อีลอน มัสก์ เดิมชื่อ Elon Reeve Musk เกิดวันที่ 28 มิถุนายน ปี 1971 ในประเทศแอฟริกาใต้ในวัย 47 ปี คือมหาเศรษฐีผู้ประกอบการที่ทำในสิ่งที่ดูเหมือนจะมาจากโลกอนาคต ไม่ว่าจะเป็นผู้ก่อตั้ง บริษัทรถยนต์ไฟฟ้า “เทสล่า” หรือเเม้เเต่ “สเปซเอ็กซ์” บริษัทผลิตจรวดและยานอวกาศ รวมไปถึง บอริง คัมพะนี

Errol Musk พ่อของมัสก์เป็นวิศวกรอิเล็กทรอนิกส์ ชาวแอฟริกาใต้ ส่วนแม่เป็นนักโภชนาการเเละนางแบบลูกครึ่งแคนาดา-อเมริกัน โดยเขามีน้องชายเเละน้องสาว 2 คน คือ คิมบาล มัสก์ เเละ ทอสคา มัสก์

กว่าจะมาเป็นผู้ทรงอิทธิพลของโลก สมัยเด็กมัสก์เป็นคนที่ถูกเพื่อนในโรงเรียนแกล้งเสมอ รุนแรงจนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ซึ่งกิจกรรมที่เขาสนใจคือหนังสือการ์ตูนและเกมคอมพิวเตอร์ เคยมีข่าวพ่อของเขาให้สัมภาษณืว่า ถ้ามัสก์ไปร่วมงานเลี้ยงใครสักคน คุณจะไม่เจอเขาภายในงาน เเต่จะไปเจอที่ห้องสมุดของเจ้าของบ้านแทน

เส้นทางความคิดที่เหมือนจะมาจากโลกอนาคตของมัสก์ มาจากในวัย 14 ปี เขาได้อ่านหนังสือ The Hitchhiker’s Guide to the Galaxy หนังสือเกี่ยวกับอวกาศ เเละนั้นทำให้เขาคิดว่า เขาจะต้องรักษาการดำรงอยู่ของมนุษย์

พออายุ 17 ปี มัสก์ได้ย้ายไปอยู่กับแม่ที่แคนาดา นั่นทำให้เขาได้รับสัญชาติแคนาดาตามแม่ ตลอดเวลาที่อยู่กับเเม่เขาทำงานอย่างหนัก ก่อนเข้าจะเข้าเรียนที่ University of Pennsylvania และจบปริญญาตรีในสาขาเศรษฐศาสตร์และฟิสิกส์ พร้อมกัน 2 ใบ ต่อมาเมื่อเขาอายุ 24 ปี ในปี 1995 ได้เข้าศึกษาปริญญาเอกในสาขาฟิสิกส์และพลังงานที่ Stanford University แต่เรียนได้แค่ 2 วันเเล้วไม่กลับไปเรียนอีกเลย

AFP PHOTO / JOSEP LAGO

จุดเริ่มต้นธุรกิจของมัสก์เริ่มขึ้นเมื่อ พ่อของเขาได้ให้เงินราว 28,000 ดอลลาร์เเก่เขาเเละคิมบาล โดยทั้งคู่ได้นำเงินไปเปิดเว็บไซต์ท่องเที่ยวที่ชื่อ Zip2 โดยมัสก์ทุ่มสุดชีวิตให้กับธุรกิจเเรกของเขา พร้อมทั้งยังเขียนโปรแกรมเอง แต่ก็มีการขัดแข้งขัดขากันมาตลอดจากกลุ่มผู้ลงทุน จนถึงขั้นโดนปลดออกจากตำแหน่งซีอีโอ แต่อย่างไรก็ตาม เขาได้ขายธุรกิจให้กับ Compaq และกลายเป็นมหาเศรษฐีด้วยวัยเพียง 28 ปีเท่านั้น

ปี 1999 มัสก์ในวัย 28 ปี ได้นำเงินจากการขายกิจการไปต่อยอดด้วยการเปิดบริษัท X.com ธนาคารออนไลน์ด้วยเงินลงทุนจากตนเองกว่า 10 ล้านดอลลาร์ ภายหลังได้ควบรวมกิจการกับ Confinitu สตาร์ทอัพฟินเทค เกิดเป็น Paypal ก่อนจะขายต่อให้กับอีเบย์

ธุรกิจโลกอนาคตของมักส์ เริ่มต้นขึ้นในปี 2002 เมื่อเขาก่อตั้งบริษัท “สเปซเอ็กซ์” บริษัทผลิตจรวดและยานอวกาศ ด้วยงบลงทุนส่วนตัว มีเป้าหมายที่จะพาผู้คนย้ายไปอยู่ยังดาวอังคาร และยังตั้งเป้าหมายส่งยานขนของอย่างน้อย 2 ลำจอดดาวอังคารในปี 2022 วางระบบซัพพอร์ต “มนุษย์”

ต่อมาในปี 2004 มัสก์ก่อตั้งบริษัท เทสล่า ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยเงินลงทุน 70 ล้านดอลลาร์ เเละนั่นก็เป็นที่ฮือฮาอย่างมาก เพราะขณะนั้นรถยนต์ไฟฟ้ายังไม่เป็นที่รู้จักมากนักในตลาด โดยในปี 2008 เทสล่ารุ่น Roadsters ถูกส่งมอบให้กับลูกค้าในราคา 109,000 ดอลลาร์ ภายหลังก็มีเทสล่าโมเดลต่างๆ ออกมาอีกหลายรุ่น

แต่ก็ตามมาด้วยปัญหาเมื่อสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของเขา ติดขัดในหลายเรื่อง การส่งมอบที่ล่าช้าครั้งเเล้วครั้งเล่า จนบริษัทสูญเม็ดเงินสดมหาศาล ถึงขั้นต้องปลดพนักงานออกหลายอัตรา เเต่ซีอีโอหนุ่มกับออกมาตอบโต้เพียงว่ามันคือการปรับเปลี่ยนเพื่อก้าวไปข้างหน้า เเละเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับพนักงานที่เหลือ เเละตบหน้ากันเบาๆ ด้วย การออกรถเทสล่าโมเดล 3 รุ่นใหม่ที่ราคาสูงกว่าเดิมถึง 2 เท่า

พร้อมประกาศชัดว่า “ผมเห็นศักยภาพจริงๆ ว่าเทสล่าจะกลายเป็นบริษัทล้านล้านดอลลาร์สหรัฐได้ภายในช่วงเวลา 10 ปี” อีกด้วย

ธุรกิจของมัสก์เทียบได้ว่าเป็นแวมไพร์ดีๆ นี่เอง ธุรกิจสเปซเอ็กซ์ก็ส่อเเววจะล่มไม่เป็นท่ามาหลายครา เมื่อการทดลองจรวดหลายครั้งไม่ประสบผลสำเร็จ จนบริษัทเเทบล้มละลาย เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2008 นาซ่าตกลงเซ็นสัญญากับสเปซเอ็กซ์ ในการขนส่งทางอวกาศ 12 เที่ยว มูลค่าสูงถึง 1.6 พันล้านดอลลาร์ ทำให้มัสก์สามารถกู้บริษัทฟื้นกลับมาได้

(AP Photo/John Raoux)

และความสำเร็จของเขาก็เริ่มฉายชัดขึ้นเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา สเปซเอ็กซ์ ประสบความสำเร็จในการทดสอบจรวดขนส่งขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาอย่าง “ฟอลคอน เฮฟวี่” โดยจรวดที่มีกำลังส่งมากที่สุดในโลกความสูงเท่าตึก 23 ชั้นถูกยิงขึ้นจากฐานที่ศูนย์ปฏิบัติการอวกาศเคนเนดี ที่แหลมคานาเวอรัล รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกาพร้อมด้วยสัมภาระจำลองเป็นรถยนต์เทสลาร์รุ่น “โรดสเตอร์” รถสปอร์ตไฟฟ้า รุ่นปี 2008

ข่าวดีในปีนี้ของมัสก์เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อ เมืองชิคาโก ได้เลือกบริษัทบอริง คอมพานี ธุรกิจของ อีลอน มัสก์ ที่ก่อตั้งในปี 2015 เป็นผู้ชนะในโครงการรถไฟด่วน ให้บริการระหว่างท่าอากาศยานนานาชาติโอแฮร์ ในชิคาโกของสหรัฐ ไปยังตัวเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์

ทำเอามัสก์ตื่นเต้นเเละดีใจอย่างมากที่จะได้ร่วมงานกับนายกเทศมนตรี เเละเมืองในการทำขนส่งมวลชนความเร็วสูง ที่ย่นเวลาเดินทางเหลือเพียง 12 นาที่เท่านั้น

ชีวิตส่วนตัวของมักส์ผ่านการเเต่งงานมาเเล้วถึง 2 ครั้ง เเต่ปัจจุบันสื่อต่างประเทศคาดเดาว่าเขายังเป็นหนุ่มโสด โดยเขายังได้ตั้งกลุ่ม OpenAi องค์กรไม่แสวงหากำไร เพื่อสนับสนุนงานวิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์ เพื่อให้เเน่ใจว่าเทคโนโลยีจะไม่ทำลายมนุษย์ ซึ่งก็ได้รับเสียงค้านจากหลายฝ่าย เพราะขณะนั้น AI ยังไม่เป็นที่ยอมรับ เเละผู้คนก็หวั่นเกรงว่าจะมาเเทนที่มนุษย์ในหลายอุตสาหกรรม

REUTERS/Aaron P. Bernstein

ปัจจุบันเทสล่าเป็นบริษัทที่มีมูลค่า 5.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหากมัสก์สามารถสร้างเทสล่าให้มีมูลค่าตลาดได้ 6.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามแผนที่ประกาศไว้ และอีก 3.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ จากรายได้ของบริษัท ก็จะทำให้เทสล่ากลายเป็น 1 ใน 5 บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญหลายคนจะมองว่าการสร้างเทสล่าให้มีมูลค่าตลาด 6.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้

ไลฟ์สไตล์ของมัสก์เริ่มจากการเป็นคนรักการการอ่าน เนื่องจากการถูกเพื่อนเเกล้งที่โรงเรียนจนต้องหามส่งโรงพยาบาลนั้น ทำให้เขาเก็บตัวเเละอ่านทุกอย่างที่ขวางหน้า มัสก์ไม่เคยขอร้องให้ใครช่วยอะไร เเต่เขาเลือกที่จะหาคำตอบจากการอ่าน และทดลองฝึกตามจนสำเร็จ

การพึ่งพาตนเอง ก่อนจะค่อยๆ ต่อยอดออกมาของเขานั้นเป็นเรื่องที่น่าประทับใจ รวมถึงการคิดนอกกรอบพามนุษย์ไปดาวอังคารนั้นก็ดูมีทีท่าใกล้เข้ามาทุกที

ยังไม่นับธุรกิจอย่างอื่นของเขา น่าติดตาม…