ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังโอเปก-นอนโอเปกยืนยันจะร่วมมือปรับลดกำลังผลิตต่อเนื่องอีกภายหลังปี 2561

+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของซาอุดิอาระเบียได้ออกมาแถลงเกี่ยวกับผลการประชุมระหว่างกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่มโอเปก เช่น รัสเซีย และโอมาน ว่ากลุ่มสมาชิกทั้งในและนอกโอเปกยืนยันให้ความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบต่อเนื่องอีกภายหลังปี 2561 แม้ว่าข้อตกลงจะสิ้นสุดที่สิ้นปี 2561 ก็ตาม เนื่องจากสมาชิกทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกต้องการจะรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันดิบ

+ นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดบวก หลังพรรครีพับลิกันได้รับเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯ โดยวุฒิสภาสหรัฐฯ ให้ความเห็นชอบในการลงมติรอบแรกต่อร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว เพื่อยุติภาวะการปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์) ซึ่งย่างเข้าสู่วันที่ 3

+ ค่าเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินในตะกร้าหลัก ส่งผลให้นักลงทุนกลับมาสนใจลงทุนในตลาดน้ำมันดิบมากขึ้น เนื่องจากใช้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในการซื้อขาย

– อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ยังถูกกดดันจากอุปทานน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้น หลังแหล่งผลิตน้ำมันดิบ As-Sarah ในประเทศลิเบียสามารถกลับมาดำเนินการผลิตได้อีกครั้งหลังจากปิดดำเนินการไปตั้งแต่เดือน พ.ย. 60 ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบไปแตะที่ระดับ 55,000 บาร์เรลต่อวัน ภายในวันจันทร์ที่ 22 ม.ค. 61

Advertisment

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปทานในสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงหลังโรงกลั่นน้ำมันชะลอการผลิตหลังเผชิญปัญหาสภาพอากาศที่หนาวเย็นจัด นอกจากนี้ อุปทานในเอเชียมีแนวโน้มปรับตัวลดลงเนื่องจากจะเข้าสู่ช่วงฤดูกาลปิดซ่อมบำรุงในเดือน มี.ค.

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากความต้องการนำเข้าจากประเทศศรีลังกาและเวียดนาม นอกจากนี้ สภาพอากาศที่หนาวเย็นจัดในหสรัฐฯ ยังเป็นปัจจัยหนุนอุปสงค์ให้ปรับตัวดีขึ้นด้วย

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 61 – 66 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

Advertisment

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 66 – 71 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

จับตาการส่งสัญญาณในการโจมตีการขุดเจาะน้ำมันดิบครั้งใหม่ในประเทศไนจีเรีย หลังกลุ่มติดอาวุธในไนจีเรียพร้อมที่จะโจมตีการขุดเจาะน้ำมันดิบนอกชายฝั่งทะเล หลังที่ก่อนหน้านี้ได้โจมตีท่อขนส่งน้ำมันดิบอย่างต่อเนื่องในไนจีเรียในช่วงปี 2558 ที่ผ่านมา

ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเหนือระดับ 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับจุดคุ้มทุนเฉลี่ยในการลงทุนผลิตน้ำมันของผู้ผลิตน้ำมันดิบจากหินชั้นดินดาน (Shale oil) ในสหรัฐฯ โดยแนวโน้มการปรับเพิ่มขึ้นของปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ สะท้อนได้จากจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯ ที่อาจปรับเพิ่มขึ้นในระยะข้างหน้า