กลยุทธ์ลงทุน หุ้นเวียดนาม 2018

คอลัมน์ จัตุรัสนักลงทุน

โดย ภาคย์ภูมิ ศิริหงษ์ทอง

ปี 2017 เป็นปีที่ดีที่สุดในรอบหลายปีของตลาดหุ้นเวียดนาม เมื่อดัชนี VN30 เพิ่มขึ้นถึง 54% (ถ้าคิดผลตอบแทนเป็นสกุลเงินบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 40% เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินด่อง) แต่มุมกลับก็เป็นปีที่ท้าทายสำหรับนักลงทุน VI ในเวียดนาม หลาย ๆ คนที่มีผลตอบแทนน้อยกว่าตลาด เนื่องจากหุ้นที่ขึ้นส่วนมากเป็นหุ้นที่มี market cap ขนาดใหญ่ ที่ขับเคลื่อนโดย fund flow ของนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ

ปีที่ผ่านมา ผมเองก็ได้ผลตอบแทนของพอร์ตที่น่าผิดหวัง เป็นปีแรกที่ได้ผลตอบแทนน้อยกว่าดัชนี แต่หลังจากวิเคราะห์หาสาเหตุก็พบว่ามีบทเรียนที่น่าสนใจอยู่หลายข้อ อย่างแรก คือ ผมอาจจะให้น้ำหนักกับ valuation ของหุ้นมากเกินไป ผมเริ่มลงทุนในเวียดนามเมื่อปี 2014-2015 ช่วงเวลานั้นหุ้นเวียดนามถูกมาก ผมสามารถหาซื้อหุ้นดี ๆ ที่เติบโตปีละ 20-30% ได้ในราคา P/E ไม่เกิน 10 เท่า พอมาเจอภาวะตลาดในปี 2017 ที่หุ้นหลาย ๆ ตัวในพอร์ตเริ่มมี P/E 40-50 เท่า ก็รู้สึกว่าแพงแล้วก็ขายไป โดยที่ไม่ได้มองถึงศักยภาพในการเติบโตของกำไรที่แท้จริงในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า ทำให้พลาดโอกาสไปเยอะ บางตัวขึ้นมาเป็น 100% จากราคาที่ผมขายก็มี

อีกประเด็นคือการให้น้ำหนักหุ้นแต่ละตัว ช่วงแรก ๆ ผมลงทุนกับ “หุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก” ที่เข้าถึงข้อมูลได้ยาก อีกทั้งยังเคยเจอปัญหาเรื่องธรรมาภิบาลกับหุ้นบางตัว ที่ทำให้ผมขาดทุนหนัก ๆ มาแล้ว ประเด็นนี้ทำให้ผมมีจำนวนหุ้นในพอร์ตค่อนข้างมากเพื่อกระจายความเสี่ยง ถึงแม้ว่าจะเริ่มมี “ว่าที่หุ้น super stock” หลายตัวเข้ามาจดทะเบียนในตลาดมากขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2016 แต่ผมยังไม่กล้าให้น้ำหนักกับหุ้นแต่ละตัวเยอะพอ ถึงแม้ว่าราคาหุ้นปรับขึ้นมาเยอะ แต่ผลกระทบกับพอร์ตอาจจะไม่ได้มากอย่างที่ควรจะได้

Advertisment

อย่างไรก็ตาม ผมมองว่าตลาดหุ้นเวียดนามในปี 2018 ยังมีโอกาสในการลงทุนอีกมาก เนื่องจากหุ้นขนาดกลางและเล็กยังปรับตัวขึ้นมาไม่เยอะ ทำให้มีส่วนต่างของราคาค่อนข้างมาก ระหว่างหุ้นใหญ่ที่เป็นที่สนใจจากนักลงทุนสถาบันต่างชาติ และหุ้นขนาดกลางที่มีความแข็งแกร่งและโอกาสในการเติบโตของกำไร หุ้นกลุ่มนี้หลาย ๆ ตัวราคาไม่แพง แต่เติบโตได้มากกว่าปีละ 20% แถมยังเป็นบริษัทที่แข็งแกร่ง เป็นหนึ่งในผู้นำของในแต่ละอุตสาหกรรม

อย่างไรก็ตาม หุ้นขนาดกลางหลายตัวไม่ค่อยมีบทวิเคราะห์ให้อ่าน เพราะอาจไม่ค่อยมีสภาพคล่อง จึงไม่ได้รับความสนใจจากกองทุน เพราะฉะนั้น การจะลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้เราอาจจะต้องหาข้อมูลเยอะขึ้น จะพึ่งพาแต่ข้อมูลภาษาอังกฤษอย่างเดียวคงไม่ได้ งบการเงินก็อาจจะต้องไปแกะจากภาษาเวียดนาม รวมถึงอาจต้องไปดูกิจการด้วยตนเอง ลำบากกว่า แต่ถ้าหาเจอก็จะได้ผลตอบแทนที่มหาศาล เพราะนอกจากกำไรจะเติบโตแล้วก็ยังมีโอกาสได้ปรับ P/E ขึ้นด้วย กำไร 100% ภายใน 1 ปีก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี อย่างเช่น ท่องเที่ยว ส่งออก การเงินและธนาคาร ค้าปลีก สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าฟุ่มเฟือย หุ้นในกลุ่มเหล่านี้จะได้รับผลประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจในอีก 3 ปีข้างหน้า

โอกาสอีกอย่างของหุ้นเวียดนามในปี 2018 คือหุ้น IPO มีบริษัทชั้นนำของประเทศเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มากขึ้น เช่น โรงกลั่นน้ำมันแห่งแรก โรงไฟฟ้าที่มีกำลังการผลิตอันดับต้น ๆ ของประเทศเวียดนาม รวมถึงบริษัทค้าปลีกอันดับต้น ๆ ของประเทศ

สำหรับนักลงทุนที่ไม่ได้มีเวลาศึกษาเจาะลึกหุ้นรายตัว การลงทุนใน ETF ที่ราคาเคลื่อนไหวไปตามดัชนี VN30 ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี แต่ก็อาจผันผวนไม่น้อย โดยเฉพาะในภาวะสภาพคล่องล้นโลกแบบนี้ แต่สำหรับ VI พันธุ์แท้ที่รักการศึกษาธุรกิจและประเมินมูลค่าหุ้นก็คงต้องขยันมองหาโอกาสในการลงทุนไปเรื่อย ๆ มีหุ้นอีกหลายตัวที่ยังไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน ที่เวียดนามยังไม่ค่อยมี VI พันธุ์แท้เท่าไหร่นัก เพราะฉะนั้น โอกาสที่ยังไม่ถูกค้นพบยังมีอีกมาก โดยเฉพาะช่วงที่ตลาดปรับฐาน ถือว่าเป็นโอกาสทองของนักลงทุน VI ที่จะซื้อของดี ราคาถูก ยิ่งเราทำการบ้านเยอะเท่าไหร่ ก็ยิ่งเห็นโอกาสมากเท่านั้น

Advertisment

 

ติดตามข่าวสาร ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ค ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
www.facebook.com/PrachachatOnline
ทวิตเตอร์ @prachachat

ติดตามอ่านข่าวสารจากประชาชาติออนไลน์
ดาวน์โหลดผ่านแอปพลิเคชั่น >> Prachachat << ได้แล้ววันนี้