ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 17 เมษายน 2566 เวลา 12.18 น.
แบงก์พาณิชย์-แบงก์รัฐ พาเหรดปรับขึ้นดอกเบี้ยตาม กนง. เช็กเลย ใครปรับแล้ว ปรับเท่าไหร่กันบ้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประชุมครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายติดต่อกันแล้ว 5 ครั้ง ทำให้ดอกเบี้ยปัจจุบันอยู่ที่ 1.75% ส่งผลให้สถาบันการเงินบางแห่งเริ่มขยับอัตราดอกเบี้ยขึ้นตาม ทั้งดอกเบี้ยเงินฝากและดอกเบี้ยเงินกู้ ดังต่อไปนี้
- “มะพร้าว” ราคาพุ่งเป็นประวัติการณ์ ลูกเดียว 65-80 บาท เกิดอะไรขึ้น?
- บริษัทดังประกาศปิดกิจการ ทุกสาขาทั่วประเทศ เลิกจ้างหลายชีวิต
- หุ้นกู้ออกใหม่ 12 บริษัทดัง เปิดขายเดือน พ.ค.นี้ ชูดอกเบี้ยสูงสุด 7.20%
ธ.ก.ส. แบงก์รัฐนำร่องขึ้นดอกเบี้ย “เงินฝาก-กู้”
โดยธนาคารแรกที่นำร่อง คือ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยทุกประเภทตามทันที ทั้งดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ โดยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 0.05-0.60% ต่อปี
และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท 0.25% ต่อปี ประกอบด้วย อัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายคนชั้นดี (MRR) จาก 6.625% ปรับขึ้นเป็น 6.875% อัตราดอกเบี้ยลูกค้าสถาบันและนิติบุคคลชั้นดี (MLR) จาก 5.125% ปรับขึ้นเป็น 5.375% และอัตราดอกเบี้ยประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) จาก 6.50% ปรับขึ้นเป็น 6.750%
ทั้งนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 เป็นต้นไป
SCB นำทัพแบงก์พาณิชย์ขยับดอกเบี้ย 2 ขา
ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เป็นธนาคารพาณิชย์รายแรกที่ประกาศขึ้นดอกเบี้ย เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. โดยปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสูงสุด 0.30% ต่อปี และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืม เพื่อสะท้อนต้นทุนทางการเงินในระบบที่สูงขึ้น
โดยปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (Minimum Retail Rate) จากปัจจุบันอยู่ที่ 6.620% เป็น 6.870% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (Minimum Loan Rate) จากปัจจุบันอยู่ที่ 6.350% เป็น 6.600% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (Minimum Overdraft Rate) จากปัจจุบันอยู่ที่ 6.895% เป็น 7.145% ต่อปี
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยใหม่ มีผลตั้งแต่ วันที่ 6 เมษายน 2566
ธอส. ขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก-เงินกู้
นายกฤษณ์ เสสะเวช กรรมการธนาคาร และรักษาการกรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2566 มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.50% ต่อปี เป็น 1.75% ต่อปี ซึ่งเป็นการปรับขึ้นตามแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวต่อเนื่องจากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชน
ดังนั้นเพื่อส่งผ่านนโยบายดังกล่าว ธอส. จึงมีมติให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ และเงินฝากประจำ 0.05-0.40% ต่อปี พร้อมทั้งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท 0.25% ต่อปี โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2566 เป็นต้นไป
ออมสิน ขึ้นยกแผง ดบ. เงินกู้ทุกประเภทขยับ 0.25%
ธนาคารออมสิน ได้ประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยใหม่ ทั้งดอกเบี้ยเงินกู้และดอกเบี้ยเงินฝาก โดยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% ทุกประเภท ส่งผลให้ดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำประเภทเงินกู้ที่มีระยะเวลา (MLR) ขึ้นมาอยู่ที่ 6.650% ต่อปี, ดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ขึ้นมาอยู่ที่ 6.495% ต่อปี และดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ขึ้นมาอยู่ที่ 6.745% ต่อปี ส่วนดอกเบี้ยเงินฝาก ปรับขึ้นตั้งแต่ 0.05-0.4% ต่อปี ทั้งนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย. 2566 เป็นต้นไป
SME D Bank ดอดขึ้น MLR 0.25% ตั้งแต่ 1 เม.ย.
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ SME D Bank ได้ปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ประเภทสมุดคู่ฝาก และใบรับฝากเงินประจำ ปรับเพิ่มขึ้นสูงสุด 0.25% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำ (MLR : MINIMUM LOAN RATE) ปรับเพิ่มขึ้น 0.25% ต่อปี จาก 7.00%ต่อปี เป็น 7.25%ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ธนาคารยังตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ไว้ที่ 8.050% ต่อปีเช่นเดิม ระบุเพื่อลดผลกระทบแก่เอสเอ็มอีรายย่อย
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25%ต่อปี จาก 1.50% เป็น 1.75% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา เนื่องจาก เห็นว่า เหมาะสมกับแนวโน้มของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของไทยในปัจจุบัน ดังนั้น SME D Bank ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ที่มีบทบาทช่วยเหลือและสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย จึงปรับอัตราดอกเบี้ย ทั้งเงินฝาก และเงินกู้ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของ กนง. รวมถึง อัตราดอกเบี้ยในตลาดและการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจไทย
ธนาคารกรุงเทพ ขึ้นทั้งกระดาน-ดอกกู้ขยับ 0.05-0.20%
ธนาคารกรุงเทพ ประกาศผ่านเว็บไซต์ธนาคารปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ยกแผง โดยอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 6.65% ต่อปี จาก 6.45% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) อยู่ที่ 7.10% ต่อปี จาก 6.90% และอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) อยู่ที่ 6.85% ต่อปี จาก 6.80% ต่อปี
ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสะสมทรัพย์จาก 0.50% ต่อปี เป็น 0.55% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำปรับขึ้นเฉลี่ย 0.10-0.15% ต่อปี
ทั้งนี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2566 เป็นต้นไป
ธนาคารกสิกรไทย ขึ้นทั้งกระดาน เริ่มสงกรานต์
ธนาคารกสิกรไทย ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำทุกประเภท สูงสุด 0.35% สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้นั้น ธนาคารพิจารณาปรับระดับอัตราดอกเบี้ยให้มีความสอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยในตลาดและระบบธนาคารพาณิชย์ โดยธนาคารปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ตามรายละเอียดดังนี้
- อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) ปรับเพิ่ม 0.25% จาก 6.57% เป็น 6.82%
- อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ปรับเพิ่ม 0.25% จาก 6.89% เป็น 7.14%
- อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ปรับเพิ่ม 0.25% จาก 6.60% เป็น 6.85%
โดยให้มีผลในวันที่ 13 เมษายน 2566 เป็นต้นไป
EXIM Bank ขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้หลังสงกรานต์
ขณะที่แบงก์รัฐอีกราย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย Prime Rate 0.25% ต่อปี จาก 6.00% ต่อปี เป็น 6.25% ต่อปี ซึ่งยังคงเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดีที่ต่ำที่สุดในระบบ
ทั้งนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2566 เป็นต้นไป
กรุงไทย ไม่รีบ ขอรอดูสถานการณ์ตลาด
ด้านธนาคารกรุงไทย ระบุว่า การพิจารณาการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคาร จะพิจารณาและดูกลไกตลาดเป็นหลัก หากตลาดปรับดอกเบี้ยขึ้น ธนาคารต้องปรับขึ้นตาม เพราะการส่งผ่านสภาพคล่องเป็นเรื่องที่ต้องบริหารจัดการ
ธนาคารกสิกรไทย ขึ้นดอกเบี้ย “เงินกู้-เงินฝาก” มีผล 13 เม.ย. 66
ธนาคารกสิกรไทย ประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยตามดอกเบี้ยนโยบาย ดอกเบี้ยเงินฝากปรับสูงสุด 0.35% ขณะที่ดอกเบี้ยเงินกู้ปรับยกแผง 0.25% มีผล 13 เม.ย. 2566
วันที่ 12 เมษายน 2566 นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารตอบสนองการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 1.50% เป็น 1.75% ต่อปี เพื่อให้สอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากการท่องเที่ยว และการใช้จ่ายในประเทศ โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำทุกประเภท สูงสุด 0.35%
กรุงไทยขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก-เงินกู้ มีผล 13 เม.ย.นี้
กรุงไทย ปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก 0.35% ต่อปี และเงินกู้ MLR และ MRR ที่ 0.25% ต่อปี และ MOR 0.20% ต่อปี พร้อมยืนหยัดดูแลกลุ่มเปราะบางและเอสเอ็มอี รับมือความท้าทายเศรษฐกิจ มีผล 13 เม.ย. 66
ttb ขึ้นดอกเบี้ยฝากประจำแล้ว เตรียมขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ 18 เม.ย. 66
ทีเอ็มบีธนชาติ หรือทีทีบี (ttb) ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ และเงินกู้ เพื่อสอดรับดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยเงินฝากประจำ มีการปรับอัตราดอกเบี้ย ดังนี้
สำหรับลูกค้าบุคคลทั่วไป
- บัญชีเงินฝากประจำทั่วไป (3 เดือน 6 เดือน และ 12 เดือน) ปรับเพิ่มขึ้นสูงสุด 0.20% ต่อปี
- บัญชีเงินฝากประจำพิเศษ ได้แก่
- บัญชี ทีทีบี ดอกเบี้ยด่วน ประเภท 3 เดือน ปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 0.60% เป็น 1.10% ต่อปี โดยลูกค้าสามารถรับดอกเบี้ยไปใช้หลังการฝากเงินเพียง 7 วัน
- บัญชีเงินฝากประจำพิเศษ ทีทีบี เอ็กซ์คลูซีฟ 9 เดือน ปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 0.30% เป็น 1.20% ต่อปี โดยลูกค้าสามารถฝากระยะสั้น และได้รับผลตอบแทนสูง
สำหรับลูกค้านิติบุคคล
- กลุ่มลูกค้านิติบุคคลทั่วไป ที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน
- บัญชีเงินฝากประจำ 24 เดือน ปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเป็น 1.40% ต่อปี
- บัญชีเงินฝากประจำ 36 เดือน ปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเป็น 1.70% ต่อปี
- กลุ่มลูกค้าที่เป็นสถาบันการเงิน
- บัญชีเงินฝากประจำ 24 เดือน ปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเป็น 1.10% ต่อปี
- บัญชีเงินฝากประจำ 36 เดือน ปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเป็น 1.40% ต่อปี
โดยการปรับขึ้นเงินฝากดังกล่าวมีผลตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา
ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท ธนาคารปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี MLR (Minimum Loan Rate) 0.25% และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย MOR (Minimum Overdraft Rate) สำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี 0.25% ในขณะที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรายย่อยชั้นดี MRR (Minimum Retail Rate) 0.20% มีผลตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2566 เป็นต้นไป