บจ.เอ็ม เอ ไอ ปี’60 กำไรรวมหดเหลือ 4.9 พันล้านบาท ทรุด 13% เหตุต้นทุนพุ่ง-ขาดทุนพิเศษ กดดัชนีร่วง ฟาก บจ.ใน SET อู้ฟู่ 9.6 แสนล้าน แรงส่งราคาน้ำมันดิบขึ้น ปั๊มกลุ่มพลังงานโตโดด “ภากร” วิเคราะห์ บจ. SET โตต่อเนื่องจากการออกไปลงทุน ชี้หุ้นเอ็ม เอ ไอเป็น บ.กลาง-เล็ก ติดกับดักเศรษฐกิจในประเทศฝืด โบรกฯชี้ผลงานกลุ่ม mai รอลุ้น ศก.ครึ่งปีหลัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาพรวมของตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในช่วงต้นปีถึง 6 มี.ค. 61 ดัชนี mai ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยปิดที่ 494.31 จุด ร่วงกว่า 8.52% จากสิ้นปี 2560 ด้านมูลค่าการซื้อขาย (วอลุ่ม) ซบเซา เหลือเฉลี่ยวันละ 1,799 ล้านบาท จากปีก่อนเฉลี่ย 2,358.35 ล้านบาท และมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) เหลืออยู่ 310,868 ล้านบาท หายไป 27,968 ล้านบาท จากสิ้นปี 2559
- หวยงวด 2 พ.ค. เช็กสถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งฯ ย้อนหลัง 10 ปี
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 2 พ.ค. ย้อนหลัง 10 ปี
- ทุเรียนราคาดิ่งเวียดนามเบียดชิง ล้งซื้อเหมายกสวนหนีร้อนขาดน้ำ
ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) รายงานผลการดำเนินงานงวดปี 2560 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ใน mai จำนวน 143 บริษัท จากทั้งหมด 151 บริษัท (ไม่นับรวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน (NC) และบริษัทที่ไม่นำส่งงบการเงินตามกำหนด) พบว่า ปี 2560 มีกำไรสุทธิรวม 4,966 ล้านบาท ลดลง 13.54% จากปี 2559 ขณะที่มียอดขายรวมอยู่ที่ 158,735 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.06%
สาเหตุที่กำไรสุทธิลดลง เนื่องจากต้นทุนของแต่ละบริษัทปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยมีต้นทุนรวมกว่า 121,908 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.43% จากปีก่อน ทำให้กดดันอัตราการทำกำไรขั้นต้นลดลงจาก 24.80% เป็น 23.20% รวมถึงบาง บจ.ยังมีการบันทึกขาดทุนจากรายการพิเศษ แต่ในส่วนของโครงสร้างเงินทุนรวมของ บจ.ยังอยู่ในเกณฑ์ที่แข็งแรง โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน หรือ D/E ratio อยู่ใน 0.97 เท่า
ส่วน บจ.ในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) จำนวน 566 บริษัท จากทั้งหมด 579 บริษัท รายงานว่า งวดปี 2560 บจ. มีผลประกอบการสูงขึ้นทั้งยอดขายและกำไรสุทธิ โดยยอดขายอยู่ที่ 11 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.72% และมีกำไรสุทธิรวม 9.62 แสนล้านบาท โต 9% ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินงานของหมวดพลังงานและสาธารณูปโภคที่ได้รับผลดีจากราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น รวมถึงเศรษฐกิจไทยที่เติบโตชัดเจนในครึ่งปีหลัง
นายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร และหัวหน้าสายงานการเงินและบริหารเงินลงทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้เคยให้สัมภาษณ์ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บจ.ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) มีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิอย่างต่อเนื่อง แม้ภาวะเศรษฐกิจในประเทศอาจจะไม่ค่อยสดใสมากนัก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากที่ บจ.ในตลาดมีการออกไปลงทุนและรับรู้รายได้จากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้ผลการดำเนินงานของ บจ.ส่วนใหญ่ยังขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง แม้ภาวะเศรษฐกิจจะยังฟื้นตัวช้า
ขณะที่กำไรของ บจ.ใน mai จะอิงกับภาวะเศรษฐกิจในประเทศค่อนข้างมากกว่า และส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดกลาง-เล็ก จึงส่งผลให้กำไรอาจสะท้อนในทิศทางที่สอดคล้องกับเศรษฐกิจในประเทศ มากกว่าภาพของ บจ.ใน SET
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้น mai ที่แย่ลง เนื่องจากผลการดำเนินงานของบริษัทส่วนใหญ่ไม่ค่อยสดใสมากนัก ส่งผลให้กำไรโดยรวมปรับตัวลดลง
“นักลงทุนในปัจจุบันฉลาดลงทุนมากขึ้น ซึ่งมักเลือกลงทุนในหุ้นที่มีสภาพคล่องสูง ๆ โดยเฉพาะหุ้นใน SET และบางส่วนมาจากผลการดำเนินของหุ้นขนาดเล็กที่ออกมาไม่ค่อยดีด้วย จึงส่งผลให้การเข้ามาลงทุนในหุ้นขนาดเล็กลดลง” นายประกิตกล่าว
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานค้าหลักทรัพย์บุคคล บล.บัวหลวง กล่าวว่า ดัชนีและมาร์เก็ตแคปตลาด mai ปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมาก ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะหุ้นที่มีน้ำหนักต่อการคำนวณในดัชนีสูง ๆ อาทิ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) มีราคาหุ้นลงแรงในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้การเทรดหุ้นขนาดเล็กยังมีความคาดหวังต่อผลประกอบการสูงกว่าหุ้นขนาดใหญ่ ซึ่งสะท้อนได้ระดับพี/อี (อัตราส่วนราคาปิดต่อกำไรสุทธิ) ที่อยู่ในระดับสูง
“กำไรของบริษัทเล็ก ๆ ที่ลดลงก็อาจสะท้อนได้ถึงสภาพเศรษฐกิจในประเทศที่แม้จะค่อย ๆ ดีขึ้น แต่ก็ยังเป็นแบบกระจุกตัว ขณะที่การฟื้นตัวของตลาด mai ยังคาดหวังได้ยากในตอนนี้ เพราะยังไม่เห็นตัวเลขผลงานที่ผงกหัวขึ้น อาจจะต้องดูภาวะเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกก่อน หากเศรษฐกิจออกมาดีก็อาจผลักดันให้หุ้น mai ดูคึกคักมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังได้” นายชัยพรกล่าว