กบข. ตั้งเป้าผลตอบแทนปี 2567 มากกว่า 1.46% กางแผนลงทุนเน้นกระจายและรองรับความเสี่ยง ประเมินสถานการณ์การลงทุนปีนี้ สงครามต่างประเทศ-สหรัฐเลือกผู้นำใหม่-ดอกเบี้ยสูง พร้อมศึกษาความพอเพียงเงินสมาชิกหลังเกษียณ เพิ่มทางเลือกในการรับผลตอบแทนรูปแบบอื่น
วันที่ 23 พฤษภาคม 2567 นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า ในปี 2567 คาดผลตอบแทนจากการลงทุนจะดีกว่าปีที่ผ่านมา โดยตั้งแต่ต้นปีสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนแล้ว 3%
ซึ่ง กบข.มีการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท ทั้งในและต่างประเทศ และการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เพื่อให้สามารถรองรับสภาพความเสี่ยงให้ได้มากที่สุด และได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม โดยปัจจุบันสัดส่วนการลงทุนเป็นในต่างประเทศ 60% ในประเทศ 40% โดยเป็นการลงทุนทั้งในสินทรัพย์ตราสารหนี้ ตราสารทุน สินทรัพย์ทางเลือก เป็นต้น ขณะที่สัดส่วนการลงทุนในทองคำ ปัจจุบันอยู่ที่ 1% ของพอร์ตการลงทุน โดยยอมรับว่าในอนาคตมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีก ขณะที่ปัจจุบันมีสมาชิก กบข. 1.2 ล้านคน
ทั้งนี้ ในปีนี้มีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับกลยุทธ์การลงทุนในระยะสั้นได้ทันการณ์ ทั้งสงครามตะวันออกกลาง ความขัดแย้งอิสราเอล-อิหร่าน และความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ผลการเลือกตั้งและแนวนโยบายในหลายประเทศ โดยเฉพาะประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ และแนวนโยบายการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน
ขณะเดียวกัน อัตราดอกเบี้ยที่คงอยู่ในระดับสูงในช่วงที่ผ่านมา จะลดทอนความสามารถในการใช้จ่ายภาคครัวเรือนลดลง เงินเฟ้อปรับตัวลดลงแบบชะลอตัว และยังคงสูงกว่าเป้าหมายระยะยาวของธนาคารกลาง ส่วนเศรษฐกิจไทยยังต้องติดตามการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ทั้งนี้ มีความเชื่อมั่นในการทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว และการกดดันด้านเงินเฟ้อลดลง โดยปีนี้มีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าปี 2566
“กบข.ได้กำหนดแผนงานวางรากฐานการบริหารกองทุน ในการขับเคลื่อน กบข.ให้เป็นกองทุนที่มีความมั่นคง สร้างผลตอบแทนการลงทุนที่ดีในระยะยาว มากกว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 10 ปี บวก 2% ต่อปี และเพิ่มระดับความไว้วางใจของสมาชิกที่มีต่อ กบข. ส่วนเรื่องการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น ขณะนี้ กบข.ยังไม่มีความสนใจในเรื่องดังกล่าวมากนัก โดยยังคงให้ความสำคัญในการลงทุนกับสินทรัพย์ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่เห็นได้ชัดเจนเป็นหลักมากกว่า” นายทรงพลกล่าว
นายทรงพลกล่าวว่า สำหรับภารกิจแรกที่จะดำเนินงานภายหลังเข้ารับตำแหน่งเลขาธิการ กบข.คือ การทบทวนความเพียงพอของวงเงิน ณ วันเกษียณ โดยเพิ่มตัวแปรหนี้สิน การมีอายุยืนยาวของคนไทย และระดับความเพียงพอของสมาชิกแต่ละกลุ่มอาชีพเข้ามาศึกษาเพิ่มเติม เพื่อให้ระดับความเพียงพอมีค่าเป็นปัจจุบันมากที่สุด และนำผลศึกษามาปรับปรุงแผนการจัดสรรการลงทุนของ กบข.
ด้านที่สองคือ การศึกษาเพิ่มทางเลือกในการรับผลตอบแทนรูปแบบอื่นให้กับสมาชิก โดยทางเลือกในการรับผลตอบแทนรูปแบบอื่นออกแบบสำหรับส่วนเพิ่มเงินออมที่สมาชิกเพิ่มเติมจากภาคบังคับ เนื่องจากความต้องการของสมาชิกในการออมเพิ่มนั้นอาจมีลักษณะผลตอบแทน เช่น ต้องการรับเงินปันผลระหว่างทาง ต้องการทางเลือกในการออมเพิ่มเติม และอาจรวมถึงสิทธิประโยชน์อื่น ๆ เช่น สิทธิในการใช้บริการ Retirement Home & Care เป็นต้น ซึ่งจำเป็นต้องมีการศึกษาความเป็นไปได้ และอาจต้องมีการปรับปรุงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ นอกจากนี้ เนื่องด้วยการเพิ่มขึ้นของกลุ่มประชากรสูงวัยจะมีส่วนในการปรับปรุงการลงทุนในอนาคตด้วย
“Main Focus ปีนี้ จะศึกษาความเพียงพอ ณ เกษียณ และการศึกษาการเพิ่มทางเลือกในการรับผลตอบแทนรูปแบบอื่นให้สมาชิก โดยจำกัดเพียงส่วนของเงินออมเพิ่มเท่านั้น ด้าน Retirement Home จะศึกษา แต่ยังบอกไม่ได้ว่าจะใช้เม็ดเงินเท่าไหร่” นายทรงพลกล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2566 กบข.สามารถสร้างผลตอบแทนแผนหลักได้ 1.46% (หลังหักค่าใช้จ่าย) โดยได้รับผลดีจากการลงทุนทั้งในและต่างประเทศในตราสารหลากหลายประเภท และการจัดการติดตามการลงทุนอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ดี ในส่วนภาพรวมแนวโน้มตลาดหุ้นไทยหลังจากนี้ มองว่าน่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งน่าจะส่งผลดีกับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง แต่ในรายอุตสาหกรรมอื่น ๆ อาจจะต้องไปดูถึงผลดี ผลเสียจากปัจจัยเกี่ยวเนื่อง ทั้งการกีดกันทางการค้า อัตราดอกเบี้ย และปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ เป็นต้น