สศค.ชี้ครึ่งปีแรกจีดีพีโต 4.5% เร่งอัดฉีดเงินดันเศรษฐกิจทั้งปีโต 5%

คลังประเมินเศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกโต 4.5% ขณะที่ตลอดทั้งปีคาดโตไม่ต่ำกว่า 4.5% ลุ้นรัฐ-เอกชนอัดฉีดเม็ดเงินเพิ่ม 1.7 แสนล้านบาทในครึ่งปีหลัง ดันเศรษฐกิจทั้งปีขยายตัวแตะ 5%

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สศค.ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2561 ว่าจะขยายตัวได้ 4.5% ต่อปี โดยมีช่วงคาดการณ์ระหว่าง 4.2-4.8% ดีขึ้นกว่าประมาณการครั้งก่อนที่คาดโต 4.2% ซึ่งเศรษฐกิจไทยมีโอกาสเติบโตได้ถึง 4.8% ในกรณีที่สมมติฐานทุกตัวเป็นไปตามเป้าหมายขั้นสูง

ขณะเดียวกันเศรษฐกิจยังมีโอกาสเติบโตได้ถึง 5% ในกรณีมีเม็ดเงินอัดฉีดเข้าระบบเศรษฐกิจเพิ่มอีก 1.7 แสนล้านบาท อาทิ มาตรการค้ำประกันสินเชื่อของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) มาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ที่เพิ่งผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นต้น รวมถึงมาตรการอื่น ๆ ที่จะมีเพิ่มเติมหลังจากนี้ อาทิ มาตรการพักหนี้เกษตรกร เป็นต้น

“การประมาณการการเติบโตขั้นสูงที่ 4.8% ดังกล่าว ยังไม่รวมมาตรการที่เพิ่งเข้า ครม. และมาตรการที่จะออกมาเพิ่มเติมในครึ่งปีหลัง ซึ่งกรณีที่มีการบอกว่า เศรษฐกิจจะโตถึง 5% ถ้ามีเม็ดเงินลงไปอีก 1.7 แสนล้านบาทนั้น เม็ดเงินดังกล่าวก็ไม่จำเป็นต้องมาจากภาครัฐอย่างเดียว อาจจะมาจากภาคเอกชนก็ได้” นางสาวกุลยากล่าว

ทั้งนี้ การประมาณการรอบนี้มีการปรับสมมติฐานเศรษฐกิจบางตัว ได้แก่ มูลค่าการส่งออกที่คาดว่าเติบโตดีขึ้นที่ 9.7% จากเดิมคาดที่ 8% การบริโภคภาคเอกชนที่น่าจะเติบโต 3.8% จากเดิมคาด 3.5% การลงทุนภาคเอกชนคาดว่าเติบโตได้ 3.9% เพิ่มจากเดิมที่คาด 3.8% ขณะที่การบริโภคภาครัฐและการลงทุนภาครัฐยังเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่คาดว่าเติบโตชะลอลงเล็กน้อย โดยการบริโภคภาครัฐคาดโต 2.9% จากเดิมคาด 3% และการลงทุนภาครัฐคาดโต 7.9% จากเดิมคาด 8.9%

Advertisment

นางสาวกุลยากล่าวอีกว่า ในส่วนของเศรษฐกิจโลก สศค.ยังมองว่าอยู่ในวัฏจักรขาขึ้นจากปีที่แล้ว แต่ก็คาดการณ์ว่าจะเติบโตที่ 4% เท่ากับประมาณการครั้งก่อน แต่มีการปรับไส้ในการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาดีขึ้นเป็น 2.6% จากเดิมคาดโต 2.4% ส่วนเศรษฐกิจจีนยังคาดว่าจะโต 6.6% เท่าคาดการณ์เดิม เนื่องจากประเมินผลกระทบสงครามการค้าไว้ตั้งแต่รอบก่อนแล้ว ส่วนเศรษฐกิจยูโรโซนที่มีการทยอยลดมาตรการ QE ก็ยังคาดเติบโตไว้ที่ 2.2%

“ค่าเงินบาทตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 23 ก.ค.เฉลี่ยอยู่ที่ 31.92 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้น 5.95% และเมื่อมองทั้งปี เราก็ยังคาดว่าค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นกว่าปีก่อน 5% แม้ว่าตอนนี้จะอยู่ระดับ 33 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหลังจากนี้ก็อาจมีการอ่อนค่าต่อเนื่องในไตรมาส 3 จากนั้นจะแข็งค่าขึ้นในไตรมาส 4 โดยทั้งปีจะเฉลี่ยที่ 32.25 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ” นางสาวกุลยากล่าว

ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปรับตัวสูงขึ้นกว่าที่คาดเดิม จึงคาดการณ์ใหม่ว่าเฉลี่ยทั้งปีน่าจะอยู่ที่ 70.1 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จากเดิมคาด 64 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายยังคาดที่ 1.50% เท่าเดิม ส่วนการท่องเที่ยวมีการปรับลดคาดการณ์นักท่องเที่ยวลงจากเดิมคาด 39.9 ล้านคน เหลือ 39.5 ล้านคน จาก 2 สาเหตุ คือเรือล่มที่ จ.ภูเก็ต ที่เป็นผลกระทบระยะสั้นไม่เกิน 2 เดือน กับกรณีเทศกาลฟุตบอลโลกทำให้มีนักท่องเที่ยวมาไทยลดลง ขณะที่รายจ่ายภาคสาธารณะมีการปรับลดจากเดิมคาดโต 11.7% มาอยู่ที่ 8.9% เนื่องจากการเบิกจ่ายงบฯลงทุนภาครัฐมีการชะลอตัว

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังกล่าวว่า รัฐบาลพยายามจะผลักดันเศรษฐกิจไทยปีนี้ให้โตได้ใกล้ 5% มากที่สุด โดยเฉพาะปีหน้าจะมีการเลือกตั้ง ดังนั้นการอัดฉีดเม็ดเงินจำนวนมากจะเกิดขึ้นในช่วงก่อนที่จะมีการเลือกตั้งแน่นอน ขณะที่เศรษฐกิจครึ่งปีแรก ทาง สศค.คาดว่าจะเติบโตได้ราว 4.5%

Advertisment