“วิริยะ” ชี้เคลมนาข้าวไม่พุ่ง 4 ปีดันเบี้ยน็อนมอเตอร์ 20%

“วิริยะประกันภัย” โดดรับเพิ่มประกันภัยข้าวนาปี 2561/2562 ขึ้นเป็น 6.25% ชี้ปีนี้น้ำท่วมนาข้าวรอบนี้ เสียหายน้อยกว่าปี”60 แบกลอสเรโชไม่เกิน 100% รอ ธ.ก.ส.ส่งข้อมูล คาดสรุปจ่ายเคลมแต่ละรอบได้ใช้เวลาอย่างน้อย 3 เดือน พร้อมเดินเครื่องแผน 4 ปี ตั้งเป้าเบี้ยน็อนมอเตอร์เพิ่มสัดส่วนเป็น 20% ดันเบี้ยแตะ 8 พันล้านบาท ขึ้นแท่นท็อป 5 ปั๊มเบี้ยรับรวมกว่า 4 หมื่นล้านบาท

นายวิญญู อังศุนิตย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.วิริยะประกันภัย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในปี 2561 บริษัทได้เข้าไปรับประกันภัยข้าวนาปี ประจำปี 2561/2562 ในสัดส่วน 6.25% ของวงเงินรับประกันภัยนาข้าวทั้งหมด ซึ่งปีนี้จะเพิ่มขึ้นจากปี”60 ที่เข้าไปรับประกันภัยอยู่แค่ 5% เนื่องจากปีนี้มีผู้รับประกันบางรายไม่เข้าร่วมโครงการ โดยมีจำนวนบริษัทประกันที่ร่วมรับประกันเหลืออยู่ 22 บริษัท จากปีที่แล้วมีจำนวน 24 บริษัท โดยปีนี้ตั้งเป้าเบี้ยประกันข้าวนาปีของบริษัทอยู่ที่ 120 ล้านบาท

วิญญู อังศุนิตย์

ส่วนผลกระทบจากสถานการณ์ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่จน ทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมหนักหลายแห่งและสร้างความเสียหายให้กับเกษตรกรที่ปลูกข้าวเป็นจำนวนมากนั้น ในขณะนี้บริษัทกำลังรอข้อมูลจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่จะดำเนินการส่งข้อมูลการขึ้นทะเบียนและพื้นที่ปลูกข้าวที่ได้รับความเสียหายให้กับสมาคมประกันวินาศภัยไทย เพื่อดำเนินการให้บริษัทประกันภัยจ่ายค่าสินไหมทดแทน ซึ่งคาดว่าอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 เดือนในการสรุปยอดความเสียหายที่เกิดขึ้นเพื่อดำเนินการจ่ายเคลมในแต่ละรอบได้

“บริษัทได้ประเมินความเสียหายในเบื้องต้นว่า ผลกระทบครั้งนี้อาจจะน้อยกว่าปี”60 ที่ขาดทุนหนักจากที่ลอสเรโช (อัตราการเคลม) สูงเกิน 100% เมื่อเทียบกับเบี้ยประกันภัยข้าวนาปีทั้งหมด” นายวิญญูกล่าว

นายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า ขณะนี้ทางทีมงานของสมาคมได้ประสานงานกับกรมส่งเสริมการเกษตร และ ธ.ก.ส.เพื่อตรวจสอบสรุปความเสียหายนำมาเข้าระบบฐานข้อมูลของสมาคม และดำเนินการพิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับเกษตรกรโดยเร็ว ซึ่งเป็นระบบการเชื่อมข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องทั้ง 2 แห่ง ที่สามารถตรวจสอบพื้นที่รายแปลงและรายบุคคลในพื้นที่ที่รัฐประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ เพราะหากมีข้อมูลที่ถูกต้องสมบูรณ์จะทำให้การจ่ายค่าสินไหมถูกต้องแม่นยำมากขึ้น

นายฮากีม เบ็ญราฮีม ผู้จัดการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายรับประกันภัยน็อนมอเตอร์ ด้านทรัพย์สินและเบ็ดเตล็ด บมจ.วิริยะประกันภัย กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทได้ขับเคลื่อนประกันภัยทรัพย์สินในทุกมิติตามนโยบายการพิจารณารับประกันภัย โดยตั้งเป้าภายใน 4 ปี จะเพิ่มสัดส่วนเบี้ยประกันรถยนต์ (มอเตอร์) เป็น 80% และเบี้ยประกันภัยที่ไม่ใช่รถ (น็อนมอเตอร์) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 20% (หรือ 8 พันล้านบาท) จากเดิมที่มีสัดส่วน 10% ของเบี้ยรับรวมคาดอยู่ที่ 4 หมื่นกว่าล้านบาท โดยประกันน็อนมอเตอร์จะเติบโตเพิ่มขึ้น 18% ต่อปี ซึ่งหลัก ๆ มาจากประกันภัยทรัพย์สินสัดส่วน 40% ประกันสุขภาพสัดส่วนใกล้เคียง 40% และส่วนที่เหลือเติบโตมาจากประกันเบ็ดเตล็ด หลักๆ มาจากการรับประกันงานขนาดใหญ่ และวิศวกรรมก่อสร้าง ซึ่งคาดว่าจะช่วยหนุนให้พอร์ตเบี้ยน็อนมอเตอร์ขึ้นติดอันดับ 5 ในอุตสาหกรรมภายใน 4 ปีจากเดิมที่อยู่อันดับ 7

“แม้ 5 อันดับแรกจะมีแบงก์คอยช่วยแต่บริษัทเชื่อว่าเราจะเติบโตจากตัวแทน/นายหน้า โดยพยายามกระตุ้นให้เกิดการแนะนำต่อ ขณะเดียวกันบริษัทได้ขยายงานในส่วนของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯที่เราถือหุ้นอยู่ด้วย” นายฮากีมกล่าว

ทั้งนี้ แผนงานของบริษัทได้เจาะกลุ่มลูกค้ารายย่อย ผู้ประกอบเอสเอ็มอี และกลุ่มสตาร์ตอัพที่มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 20 ล้านบาท ออกแบบโปรดักต์ประกันธุรกิจปลอดภัย (BOI) ที่ให้ความคุ้มครองเป็นแพ็กเกจ ชำระเบี้ยครั้งเดียวให้ความคุ้มครองนาน 3 ปี ซึ่งจ่ายเบี้ยถูกกว่า 20% เมื่อเทียบกับการซื้อแบบปีต่อปี ซึ่ง 7 เดือนที่ผ่านมามีลูกค้ากลุ่มนี้เข้ามาซื้อแล้ว 1,200 ราย เบี้ยประกันอยู่ที่ 20 ล้านบาท คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีเบี้ยประกันอยู่ที่ 35 ล้านบาท เติบโต 40-50% จากปีก่อน และคาดว่าเบี้ยจะขยับสู่ 100 ล้านบาทภายใน 4 ปี ซึ่งเติบโตตามนโยบายส่งเสริมให้ SMEs จดทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์มากขึ้น

“เบี้ยน็อนมอเตอร์ครึ่งปีแรกเติบโต 14.48% จากปีก่อน คิดเป็นเบี้ยประกันอยู่ที่ 1,689 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนสูงกว่าภาพรวมอุตสาหกรรมที่เติบโตเพียง 1.32%” นายฮากีมกล่าว