“สรรพสามิต” จับ-ปรับสินค้าผิดกฎหมาย 363 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 6.55 ล้านบาท

กรมสรรพสามิตดำเนินมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายสรรพสามิต เพื่อสร้างความเป็นธรรม โปร่งใส และความมั่นใจให้แก่ผู้ประกอบการที่เสียภาษีโดยสุจริต

นายณัฐกร อุเทนสุต ผู้อำนวยการสำนักแผนภาษี ในฐานะรองโฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ได้ดำเนินงานตามมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 และจูงใจผู้ที่อยู่นอกระบบให้เข้ามาสู่ระบบภาษี ซึ่งที่ผ่านมากรมสรรพสามิตได้จัดทำแผนเฉพาะกิจปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตโดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่ ชุดเฉพาะกิจจากสำนักตรวจสอบ ป้องกันและปราบปราม และเจ้าหน้าที่สรรพสามิตพื้นที่ทั่วประเทศพร้อมสนธิกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันตรวจสอบและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายสรรพสามิต ตามพื้นที่เป้าหมายที่คาดว่าอาจมีการกระทำผิด เพื่อสร้างความเป็นธรรม โปร่งใส และความมั่นใจให้แก่ผู้ประกอบการ ที่เสียภาษีโดยสุจริต และเพื่อเป็นมาตรการเสริมทางอ้อมในการดูแลสุขภาพของผู้บริโภค ให้บริโภคสินค้าที่ถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากการบริโภคสินค้าที่หลีกเลี่ยงภาษีจะเป็นอันตรายและส่งผลเสียต่อสุขภาพมากกว่าสินค้าโดยทั่วไป

จากผลการตรวจค้นและจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 โดยผลการปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตทั่วประเทศ ปีงบประมาณ 2562 (ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 6 ธันวาคม 2561) พบว่ามีการกระทำผิด จำนวน 363 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 6.55 ล้านบาท โดยแยกเป็น

– สุรา จำนวน 166 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 1.37 ล้านบาท
– ยาสูบ จำนวน 116 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 2.70 ล้านบาท
– ไพ่ จำนวน 3 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 0.07 ล้านบาท
– น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน จำนวน 25 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 1.53 ล้านบาท
– รถจักรยานยนต์ จำนวน 39 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ จำนวน 0.55 ล้านบาท
– สินค้าอื่น ๆ จำนวน 14 คดี รวมเป็นเงินค่าปรับ 0.33 ล้านบาท

โดยมีของกลางแยกเป็นน้ำสุรา จำนวน 557 ลิตร ยาสูบ จำนวน 6,986 ซอง ไพ่ จำนวน 209 สำรับ น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน จำนวน 45,203.00 ลิตร รถจักรยานยนต์ จำนวน 46 คัน