ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น หนุนหุ้นไทยปิดบวก 9.41 จุด

นายพบชัย ภัทราวิชญ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยภาพรวมตลาดหุ้นวันที่ 11 ม.ค.62 ปิดตลาดที่ดัชนี 1,597.04 จุด เพิ่มขึ้น 9.41 จุด หรือเพิ่มขึ้น 0.59% และมีมูลค่าการซื้อขายรวม 45,172.76 ล้านบาท ภาพรวมของตลาดหุ้นไทยในวันนี้ถือว่าทำผลงานได้ดีแม้เป็นวันสุดท้ายของสัปดาห์ หลังตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่มีการปรับขึ้นมาเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม มูลค่าการซื้อขายรวมปรับลดลงมาจากเมื่อวาน (10 ม.ค.62) ที่ 5.3 หมื่นล้านบาท โดยกลุ่มที่ปรับขึ้นนำตลาดในวันนี้ได้แก่ กลุ่มขนส่ง AOT +3.79% กลุ่มพลังงาน PTTEP +0.82% กลุ่มค้าปลีก MAKRO +4.55% CPALL +1.01% และ HMPRO +2.72% เป็นผลให้ดัชนีช่วงท้ายของตลาดปรับขึ้นมาอย่างมีนัยยะสำคัญ

ทั้งนี้ ยังไม่มีปัจจัยแวดล้อมใหม่ที่เข้ามาหนุนหรือกดดันตลาด อย่างไรก็ดี จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องถือเป็นปัจจัยหนุนต่อตลาดหุ้น รวมทั้งไม่มีปัจจัยลบเฉพาะตัวอย่าง การควบคุมราคุมราคายาฯ และข้อพิพาทระหว่างดีแทคกับกสท. เข้ามากดดันตลาดเหมือนกับ 2-3 วันที่ผ่านมา เป็นผลให้ปัจจัยบวกที่มีอำนาจนำตลาดมากกว่าอุ้มดัชนีตลาดหุ้นให้ปรับตัวขึ้นมาได้

ส่วนภาพการเคลื่อนไหวของดัชนีในสัปดาห์หน้า ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,590 จุด โดยมองว่าดัชนีมีโอกาสปรับขึ้นไปแตะที่ 1,620 จุดได้ เนื่องจากยังไร้ปัจจัยกดดันที่ค่อนข้างรุนแรงในสัปดาห์หน้า โดยปัจจัยแวดล้อมในต่างประเทศ ติดตามการลงมติร่างข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันที่ 15 ม.ค.62 ส่วนปัจจัยในประเทศ “รอลุ้น” การประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง

ด้านกลยุทธ์การลงทุนยังประเมินการลงทุนผ่าน 2 ธีม (theme) ได้แก่ “Domestic Play” และ “Global Play” โดยกลุ่ม Domestic Play เน้นไปที่กลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการต่อมาตรการการฟรีค่าธรรมเนียม VOA (ฟรีวีซ่า) ได้แก่ กลุ่มท่องเที่ยว แนะนำ ERW และ MINT “รอลงทุนสะสม” กลุ่มสายการบิน AOT ที่ราคาหุ้นในวันนี้ปรับเพิ่มขึ้น แนะนำ “ไล่ซื้อสะสม” นอกจากนี้ยังคงแนะนำกลุ่มค้าปีก CPALL และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ หลังราคาหุ้นปรับลดลง อัตราผลตอบแทน (Dividend Yield) ที่ยังค่อนข้างสูง และประเมินว่าผลประกอบการในไตรมาส 4/61 จะเป็นจุดสูงสุด (Peak) แนะนำ AP SPALI และ ANAN