นักลงทุนเชื่อมั่นการเจรจาสหรัฐฯกับจีนจะคืบหน้า หนุนดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่า

ภาพประกอบข่าวดอลลาร์สหรัฐ
แฟ้มภาพ

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ 2562 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (14/2) ที่ระดับ 31.39/40 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับปิดตลาดในวันพุธ (13/2) ที่ระดับ 31.32/33 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ โดยเงินดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นเนื่องจากนักลงทุนทั่วโลกมีความเชื่อมั่นว่าการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะมีความคืบหน้า โดยการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะเริ่มต้นขึ้นในวันนี้ (14/2) ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน จนถึงวันพรุ่งนี้ (15/2) ซึ่งนายโรเบิร์ต ไลท์ไทเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐและนายมนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐ จะเป็นผู้นำคณะเจรจาการค้าจากสหรัฐ ส่วนประเทศจีนได้มอบหมายให้ นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีนเป็นผู้นำในการเจรจาจากจีน

ทั้งนี้นักลงทุนมีมุมมองในด้านบวกต่อการเจรจาครั้งนี้เนื่องจากในช่วงต้นอาทิตย์ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายมนูชิน ต่างก็ส่งสัญญาณในเชิงบวกว่า การเจรจาการค้ากับจีนเป็นไปด้วยดี นอกจากนี้ในวันนี้ (14/2) ประธานาธิบดีทรัมป์ได้กล่าวว่า เขาจะพิจารณาเลื่อนกำหนดเส้นตายในการบรรลุข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรับกับจีนจากเดิมในวันที่ 1 มีนาคมออกไปอีกเป็นระยะเวลา 60 วัน หากการเจรจาระหว่างสหรัฐและจีนดุมีแนวโน้มที่จะสำเร็จในไม่ช้า ทั้งนี้ประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้กล่าวว่าหากการเจรจาระหว่างตัวแทนจากสหรัฐและจีนในรอบล่าสุดประสบผลสำเร็จ ตัวเขาเองจะเข้าไปพบกับประธานาธิบดีจีน นายสี จิ้นผิง เพื่อที่จะบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับจีน อย่างไรก็ตามในวันนี้ (14/2) มีรายงาน ดัชนีราคาผู้บรีิโภค (CPI) ของสหรัฐในเดือนมกราคม ซึ่งทรงตัวดีต่อกันเป็นเดือนที่ 3 เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 31.24-31.29 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 31.25/27 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร ค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้าวันนี้ (14/2) ที่ระดับ 1.1267/68 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธ (13/2) ที่ระดับ 1.1317/21 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร เงินยูโรปรับตัวอ่อนค่า โดยเมื่อวาน (13/2) สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า การผลิตในภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซนปรับตัวลดลงร้อยละ 4.2 ในเดือนธันวาคม เมื่อเทียบรายปี ซึ่งลดลงมากกว่าระดับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงร้อยละ  3.3 และเป็นการปรับตัวที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ซึ่งทำให้นักลงทุนมองว่าเศรษฐกิจของยูโรโซนมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1245-1.1295 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1266/68 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยน ค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (14/2) ที่ระดับ 110.96/98 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธ (13/2) ที่ 110.65/67 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ โดยเงินเยนอ่อนค่าหลังเมื่อวาน (13/2) ธนาคารกลางญี่ปุ่นได้รายงาน ดัชนีราคาผู้ผลิตของญี่ปุ่นในเดือนมกราคมซึ่งปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 เมื่อเปรียบเทียบรายเดือนซึ่งต่ำกว่าระดับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าปรับเพิ่มร้อยละ 1.0 นอกจากนี้เงินเยนยังได้รับแรงกดดันจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนว่าการเจรจาระหว่างสหรัฐและจีนจะมีความคืบหน้า ทำให้นักลงทุนเทขายเงินเยนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพื่อเข้าถือสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ในวันนี้สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาสที่ 4 ขยายตัวร้อยละ 1.4 เมื่อเทียบเป็นรายปีเท่ากับระดับที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นเริ่มฟื้นตัวขึ้นหลังจากได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินเยน
เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 110.85-111.12 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 110.98/111.00
เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ในสัปดาห์นี้ได้แก่ ราคานำเข้าและส่งออกเดือนมกราคม (15/2), ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนกุมภาพันธ์จากเฟดนิวยอร์ก (15/2), การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมกราคม (15/2), ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกุมภาพันธ์จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน (15/2), และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมกราคมของจีน (15/2)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -1.90/-1.70 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยง ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -0.80/-0.30 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ