3แบงก์เคลียร์ติดโผไอทีล่มถี่ ยันอัพระบบรับมือธุรกรรม “โอเวอร์โหลด”

3 แบงก์แจงยกระดับระบบไอทีต่อเนื่อง หลัง ธปท.เปิดเผยข้อมูลระบบล่ม “กรุงไทย” ระบุเป็นข้อมูลเดิมก่อนอัพระบบ-ปัจจุบัน “กรุงไทย NEXT” รองรับลูกค้าทำธุรกรรมพร้อมกันได้ถึง 7 หมื่นราย มั่นใจสิ้นเดือนเกิดโอเวอร์โหลดน้อยลง ขณะที่แบงก์ “กรุงเทพ” ยันอัพระบบรองรับธุรกรรมเพิ่มอีก 10 เท่า ฟาก “ทีเอ็มบี” เร่งอัพเพิ่ม 2 เท่า

หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เปิดเผยข้อมูลตัวเลขสถิติระบบเทคโนโลยีสารสนเทศขัดข้องของธนาคารพาณิชย์ ที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 2 ปี 2562 ซึ่งในส่วนของระบบโมบายแบงกิ้งพบว่า ธนาคารกรุงไทย (KTB) เกิดขัดข้องสูงที่สุด 7 ครั้ง รองลงมา ธนาคารกรุงเทพ (BBL) 5 ครั้ง ธนาคารทหารไทย (TMB) 4 ครั้ง ธนาคารธนชาต (TBANK) 2 ครั้ง ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย 2 ครั้ง และธนาคารทิสโก้ 1 ครั้ง

ล่าสุด นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ตัวเลขที่ ธปท.เปิดเผย เป็นตัวเลขที่เกิดก่อนที่ ธปท.จะเรียกกรุงไทยเข้าพบ เมื่อ 28 พ.ค. 2562 ซึ่งหลังจากหารือกันครั้งนั้นแล้ว ธนาคารก็ได้จัดการแก้ไขปัญหาและไม่เกิดระบบล่มอีกเลย เนื่องจากธนาคารได้พัฒนาระบบให้การทำธุรกรรม (transaction) ผ่านแอปพลิเคชั่น “กรุงไทย NEXT” มีความรวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะการทำธุรกรรมช่วงสิ้นเดือน พบว่าปัญหาการใช้งานเกินระบบรองรับ (overload) เกิดน้อยลง

“ปัจจุบันระบบเราสามารถรองรับลูกค้าที่เข้ามาทำธุรกรรมในระบบพร้อม ๆ กันได้สูงสุดถึง 65,000-70,000 ราย นอกจากนี้ กรุงไทยยังเตรียมเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ภายในเดือน ก.ย.นี้ แต่จะเป็นอย่างไรต้องติดตาม” นายผยงกล่าว

นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า จากข้อมูลปริมาณธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัลที่มีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ธปท.และสมาคมธนาคารไทยได้หารือร่วมกันเป็นระยะ ถึงแนวทางการสร้างความเข้มแข็งด้านเสถียรภาพของระบบธนาคาร เพื่อให้ลูกค้ามีข้อมูลที่ถูกต้องเพียงพอในการตัดสินใจเลือกใช้บริการ และให้สถาบันการเงินรายงานข้อมูลเป็นรายไตรมาส

ทั้งนี้ ปริมาณธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัลทั้งหมดของแบงก์กรุงเทพขยายตัวค่อนข้างมาก โดยเติบโตมากกว่า 110% และคาดว่าจะยังเติบโตต่อเนื่อง ทำให้ธนาคารต้องปรับตัวและพัฒนาระบบเทคโนโลยีให้มั่นคง มีประสิทธิภาพและปลอดภัย เช่นเดียวกับหลายสถาบันการเงิน เพื่อให้สอดรับกับความต้องการบริการที่หลากหลาย และการขยายตัวของปริมาณธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัลในอนาคต

“ปัจจุบันธนาคารมีลูกค้าโมบายแบงกิ้งราว 8 ล้านราย และตั้งเป้าปริมาณการใช้ธุรกรรมเติบโตมากกว่า 10% เทียบกับปีก่อน ซึ่งระบบที่มีอยู่สามารถรองรับการใช้งานได้ ขณะที่มีการอัพเดตและปรับปรุงระบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยจะสามารถรองรับปริมาณธุรกรรมที่กำลังเติบโตในอนาคตได้สูงถึง 10 เท่าจากปัจจุบัน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการร่วมพัฒนาคุณภาพบริการแก่ประชาชน และสนับสนุนให้ลูกค้ามีข้อมูลที่ถูกต้องเพียงพอในการตัดสินใจเลือกใช้บริการ” นายทวีลาภกล่าว

นายสหชัย ลิ้มอำไพ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารโซลูชั่นระบบงานบริการด้าน digital experience ทีเอ็มบี กล่าวว่า การแก้ไขความขัดข้องในส่วนของระบบ ทีเอ็มบียังทำอย่างต่อเนื่องและมีเสถียรภาพเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยปัจจุบันทีเอ็มบีได้พัฒนาระบบเพื่อเตรียมความพร้อมที่จะรองรับลูกค้าในอนาคตเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าของปัจจุบัน ซึ่งปัจจุบันอัตราการทำธุรกรรมโดยเฉลี่ยมากกว่า 120 ล้านรายการต่อเดือน โดยจำนวนลูกค้าที่ใช้โมบายแบงกิ้ง “TMB TOUCH” ของธนาคารเป็นประจำเพิ่มขึ้นแล้วกว่า 2.2 ล้านราย

“ลูกค้าทีเอ็มบีมีปริมาณการทำธุรกรรมออนไลน์สูงกว่าออฟไลน์เกิน 80% และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากเป็นช่องทางที่สะดวกสบายมากขึ้น อีกทั้งยังได้รับคะแนนสะสมที่เรียกว่า WOW เพื่อแทนเงินสด และหรือใช้เพื่อเป็นส่วนลดในการซื้อสินค้าและบริการต่าง ๆ ได้อีกด้วย” นายสหชัยกล่าว