ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดทุนสายงานธุรกิจตลาดเงินทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดเช้านี้ (12 ธ.ค.) แข็งค่าที่ระดับ 30.23 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อนที่ระดับ 30.26 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้อยู่ที่ 30.20-30.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
โดยในคืนที่ผ่านมาเรื่องที่น่าสนใจที่สุดในตลาดเงินตลาดทุนคงหนีไม่ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ล่าสุดมีมติ “คง” อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.50-1.75% โดยประเด็นที่เฟดจับตาคือการลงทุนของภาคธุรกิจที่ยังอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ดี เฟดคงความเห็นว่าการว่างานก็ต่ำมากเช่นเดียวกัน ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนการใช้จ่ายและการขยายตัวของเศรษฐกิจอยู่ในขณะนี้
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
ส่วนผลกระทบในตลาดการเงินเป็นไปตามความคาดหมาย เมื่อเฟดส่งสัญญาณว่าจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยแน่นอนในปี 2020 และการขึ้นดอกเบี้ยที่อาจเกิดขึ้นเร็วที่สุดคือในปี 2021 ก็ลดลงจากที่คาดไว้ 0.50% มาอยู่ที่ 0.25% ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยีลด์) สหรัฐทุกอายุปรับตัวลง ล่าสุดยีลด์ 2 ปี และ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 1.61% และ 1.73% ตามลำดับ ด้านตลาดเงิน ดอลลาร์ก็อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ด้วย เช่นเดียวกับทองคำที่ราคาปรับตัวขึ้น 0.7% จากแนวโน้มดอกเบี้ยต่ำ มีเพียงราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง 0.7% จากแรงต้านของข้อมูลเศรษฐกิจเมื่อ EIA รายงานสต๊อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นสูงกว่าคาด
ในส่วนของค่าเงินบาท ระยะสั้นแข็งค่าลงเนื่องจากไม่ได้มีแรงซื้อดอลลาร์เข้ามาสนับสนุน ขณะเดียวกันนักลงทุนต่างชาติก็กลับมาซื้อทั้งหุ้นและบอนด์ จึงทำให้ค่าเงินบาทกลับมาซื้อขายที่ระดับเดียวกันกับช่วงสัปดาห์ก่อน
“สำหรับวันนี้เชื่อว่าตลาดเงินฝั่งเอเชีย จะได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ แต่ก็มีเรื่องที่ต้องติดตามสองเรื่องหลัก คือการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางยุโรป (ECB) และการเลือกตั้งอังกฤษซึ่งจะรู้ผลในคืนวันนี้ ทั้งสองเรื่องเพิ่มความไม่แน่นอนในระยะสั้นและจะทำให้ตลาดอยู่ในโหมดระมัดระวังตัวไว้ก่อน” ดร.จิติพลกล่าว