คลัง ชี้ส่งออกเดือน เม.ย. โต 13% ต่อปี สูงสุดในรอบ 36 เดือน

ภาพ Pixabay

สศค. ชี้การส่งออก หนุนเศรษฐกิจไทยเดือน เม.ย. 64 ขยายตัวได้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงสุดในรอบ 36 เดือน ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ลดลงมาอยู่ระดับ 46 เหตุกังวลโควิดระบาดรอบใหม่ ยังมองว่าเสถียรภาพเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี แม้ราคาสินค้ามีแนวโน้มสูงขึ้น

วันที่ 28 พฤษภาคม 2564 นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือน เม.ย. 64 พบว่า เศรษฐกิจไทยในเดือน เม.ย. ยังคงขยายตัวได้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการขยายตัวต่อเนื่องของการส่งออกสินค้า มูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ อยู่ที่ 21,429.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นอัตราการขยายตัวที่ร้อยละ 13.1 ต่อปี ซึ่งเป็นการขยายตัวที่สูงสุดในรอบ 36 เดือน

นอกจากนี้เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกสินค้าไม่รวมน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย พบว่า ขยายตัวที่ร้อยละ 25.7 ต่อปี อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นในเดือน เม.ย.64

ส่วนสินค้าที่ส่งออกขยายตัวได้ดี ได้แก่ 1) สินค้ารถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์ยาง 2) สินค้าเกษตรและอาหาร โดยเฉพาะ ยางพารา และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง 3) สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้าน (Work from Home) 4) สินค้าที่เกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่ระบาด และ 5) กลุ่มสินค้าเกี่ยวเนื่องกับภาคการผลิตที่เริ่มกลับมาฟื้น

โดยจำแนกเป็นรายตลาดคู่ค้าหลักของไทย พบว่า ตลาดคู่ค้าหลักของไทยปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะการส่งออกไปตลาดสหรัฐ จีน สหภาพยุโรป และเอเชียใต้ ขยายตัวที่ร้อยละ 9.0 21.9 52.5 และ 149.9 ต่อปี ตามลำดับ

ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัวที่ร้อยละ 65.8 ต่อปี ส่วนหนึ่งเป็นผลจากปัจจัยฐานต่ำในปีก่อน และเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 7.7 สอดคล้องกับรายได้เกษตรกรที่แท้จริงที่ยังคงขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 9.8 ต่อปี ขณะที่การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ และปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่ง ขยายตัวในระดับสูงที่ร้อยละ 60.8 และ 92.4 ต่อปี ตามลำดับ เนื่องจากปัจจัยฐานต่ำในช่วงเดียวกันปีก่อน

อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าถือว่าลดลง หลังขจัดผลทางฤดูกาล ซึ่งสอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลดลงมาที่ระดับ 46.0 จากระดับ 48.5 ในเดือนก่อนหน้า เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นในเดือนเมษายน อย่างไรก็ดี มาตรการกระตุ้นการบริโภค โดยเฉพาะโครงการเราชนะ และโครงการ ม33 เรารักกัน ยังช่วยสนับสนุนกำลังซื้อของผู้บริโภคได้ในระดับหนึ่ง

นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า ด้านการท่องเที่ยว พบว่า ในเดือนเม.ย. มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติประเภทพิเศษ (Special Tourist Visa: STV) รวมถึงนักท่องเที่ยวกลุ่มสิทธิพิเศษ (Thailand Privilege Card) และนักธุรกิจ จำนวน 8,529 คน โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากสหรัฐอเมริกา เยอรมนี สหราชอาณาจักร และจีน ในขณะที่การท่องเที่ยวภายในประเทศ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยขยายตัวร้อยละ 5,261.5 ต่อปี ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยฐานต่ำในช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล พบว่า ขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 5.2 ส่วนหนึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ เช่นเดียวกันกับภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ที่ขยายตัวร้อยละ 40.4 ต่อปี และเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลขยายตัวร้อยละ 1.7

ทั้งนี้ มองว่าเสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี แม้ว่าระดับราคาสินค้ามีแนวโน้มสูงขึ้น สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ 3.4 ต่อปี และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 0.3 ต่อปี ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2564 อยู่ที่ร้อยละ 54.3 ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561

ส่วนเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับมั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนเมษายน 2564 อยู่ในระดับสูงที่ 250.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ