ผู้ฝากเงินรายย่อยไม่เกิน 5 หมื่นบาท/บัญชี แห่ถอนเงินประคองสถานการณ์ช่วงโควิด

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดข้อมูลเงินฝากคนไทยในไตรมาส 2 ปี 2564 พบกลุ่มผู้ฝากรายย่อยที่มีเงินฝากไม่เกิน 5 หมื่นบาทต่อบัญชีมีเงินฝากชะลอตัวลง คาดใช้ประคองสถานการณ์ช่วงโควิด-19

วันที่ 28 กรกฎาคม 2564 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า เงินฝากในระบบธนาคารพาณิชย์ไทยในไตรมาสที่ 2/2564 เติบโตในอัตราชะลอลง โดยส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเทียบกับฐานที่สูงในช่วงเดียวกันปีก่อ โดยภาพรวมเงินรับฝากของระบบแบงก์ไทย ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2564 ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 1.09 แสนล้านบาท นับเป็นการปรับลดลงครั้งแรกในรอบ 5 เดือน และเป็นการปรับตัวลงในเกือบทุกธนาคาร ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลของการนำเงินฝากไปลงทุนในตัวเลือกที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า

ประกอบกับมีการทยอยเบิกใช้สภาพคล่องเพื่อรองรับสถานการณ์โควิด-19 ทั้งในส่วนของภาคธุรกิจและผู้ฝากเงินรายย่อย ซึ่งทำให้ภาพรวมเงินฝาก ณ สิ้นไตรมาส 2/2564 ชะลอการขยายตัวลงมาที่ 4.0% YoY เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากอัตราการขยายตัวที่ 5.0% YoY ในไตรมาสที่ 1/2564

นอกจากนี้ หากพิจารณาเงินฝากในกลุ่มผู้ฝากเงินรายย่อย จะพบว่าเงินฝากกลุ่มรายย่อยยังเติบโตในอัตราใกล้เคียงกับภาพรวมเงินฝากทั้งระบบ

อย่างไรก็ดี ภาพเงินฝากรายย่อยอาจแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 1) เงินฝากรายย่อยในกลุ่มที่วงเงินต่อบัญชีสูงกว่า 1 ล้านบาท (สัดส่วน 65% ของเงินฝากรายย่อยโดยรวม) ซึ่งประคองการเติบโตได้สูงกว่าเงินฝากรายย่อยในภาพรวม

และ 2) เงินฝากรายย่อยในกลุ่มที่วงเงินต่อบัญชีไม่เกิน 1 ล้านบาท (สัดส่วน 35% ของเงินฝากรายย่อยโดยรวม) ที่มีอัตราการเติบโตที่ชะลอลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มวงเงินต่อบัญชีไม่เกิน 50,000 บาท และกลุ่มวงเงินต่อบัญชีเกินกว่า 50,000 บาทแต่ไม่เกิน 100,000 บาท ซึ่งอาจสะท้อนภาพการนำเงินฝากบางส่วนมาใช้เพื่อประคองสถานการณ์ในช่วงโควิด-19