บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด รายงานราคาทองคำประจำวันที่ 8 ธันวาคม 2564
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
- NETA X ขายมิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
สรุป ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในระหว่างวันราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบแคบ จนกระทั่งปรับตัวลดลงแรงหลังจากสหรัฐเปิดเผยต้นทุนแรงงานต่อหน่วยของสหรัฐพุ่งขึ้น 9.6% ในไตรมาส 3 เมื่อเทียบรายไตรมาส หลังจากเพิ่มขึ้น 5.9% ในไตรมาส 2 ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่า อัตราเงินเฟ้อระดับสูงในสหรัฐจะยังคงดำเนินต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นทดสอบระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์บริเวณ 96.592 ประกอบกับนักลงทุนกลับมาเปิดรับความเสี่ยง (Risk on) หลัง COVID-19 สายพันธุ์โอไมครอนมีแนวโน้มมีอาการไม่รุนแรง ส่งผลให้เกิดแรงซื้อสินทรัพย์เสี่ยงซึ่งผลักดันดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นเกือบ 500 จุด ขณะที่ดัชนี Nasdaq ทำสถิติทะยานขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค.ปีนี้ พร้อมกับกระตุ้นแรงขายพันธบัตรรัฐบาลซึ่งหนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีให้พุ่งขึ้นสู่ระดับ 1.482% จนกดดันทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยเพิ่ม
ปัจจัยที่กล่าวมาแม้จะกดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดบริเวณ 1,772.35 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่แรงซื้อ Buy the dip ในตลาดทองคำยังคงแข็งแกร่ง ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างจีน-สหรัฐ, แรงซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ, ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับ COVID-19 สายพันธุ์โอไมครอน รวมไปถึงดัชนีดอลลาร์ลดช่วงบวกลงในปลายตลาด สถานการณ์ดังกล่าวช่วยหนุนให้ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นมาปิดตลาดในแดนบวกในที่สุด ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง
สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยตําแหน่งงานว่างเปิดใหม่ (JOLTS Job Openings) ของสหรัฐ
- คำแนะนำ เปิดสถานะขาย 1,796-1,808
- จุดทำกำไร ซื้อคืนเพื่อทำกำไร $1,772-1,767
- ตัดขาดทุน ตัดขาดทุนสถานะขายหากผ่าน $1,808