หุ้นไทยแกว่งขาขึ้น ติดตามแถลงการณ์เฟด

หุ้น
คอลัมน์ เช็กกระแสหุ้น

สัปดาห์ที่ผ่านมา (21-25 ก.พ.) ปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่บานปลาย เล่นเอานักลงทุนใจหายใจคว่ำกันไปตาม ๆ กัน โดย SET Index ปิดตลาดเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ติดลบไป 33.73 จุด ดัชนีรูดลงไปอยู่ที่ 1,663 จุด แต่เมื่อสถานการณ์ดูผ่อนคลายลง ในวันสุดท้ายของสัปดาห์ก็สามารถรีบราวนด์กลับขึ้นมาได้

ส่วนทิศทางในสัปดาห์ข้างหน้านี้ (28 ก.พ.-4 มี.ค.) “สรพล วีระเมธีกุล” ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย ประเมินว่า ตลาดหุ้นไทยคาดว่าจะแกว่งตัว sideway up โดยให้กรอบดัชนีไว้ที่ระดับ 1,650-1,685 จุด

“คาดว่าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสที่จะค่อย ๆ ปรับตัวขึ้น โดยเชื่อว่าสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครนไม่น่าจะรุนแรงไปมากกว่านี้ หลังจากที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลงอย่างหนัก หลังจากที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้เผชิญหน้ากัน และทางรัสเซียก็ได้มีส่งกำลังทหารเข้าไปในยูเครน โดยสหรัฐและยุโรปก็มีการคว่ำบาตรรัสเซีย ซึ่งเป็นปัจจัยที่กดดันให้ตลาดหุ้นปรับตัวลง โดยเฉพาะหุ้นที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ (commodity)”

สำหรับประเด็นที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ ยังคงเป็นสถานการณ์ระหว่างรัสเซียกับยูเครน ที่ต้องตามดูว่าสถานการณ์จะตึงเครียดขึ้นอีกหรือไม่ รวมถึงสหรัฐกับนาโต้ จะมีการตอบโต้หรือไม่ นอกจากนี้ มีปัจจัยสำคัญที่ นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะแถลงการณ์รอบครึ่งปี ว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรส

ในวันที่ 2-3 มี.ค. ซึ่งต้องติดตามว่า จากความตึงเครียดเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ จะส่งผลให้โอกาสในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือน มี.ค.จะยังคงอยู่ที่ 50 bps หรือจะลดลงมาที่ 25 bps โดยประธานเฟดจะพูดถึงประเด็นนี้ในแถลงการณ์ด้วย ซึ่งจะเป็นคีย์หลักในการส่งสัญญาณของเฟด

Advertisment

“สรพล” แนะนำว่า การจัดพอร์ตลงทุนในระยะนี้ ควรแบ่งสัดส่วนลงทุนในหุ้นไทย 60% หุ้นต่างประเทศ 10% หุ้นกู้ 10% ทองคำ 10% ซึ่งได้รับความสนใจในช่วงนี้ เพราะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย และอีก 10% ถือเงินสดเพื่อรอดูสถานการณ์ ทั้งนี้ หุ้นไทยที่แนะนำในช่วงนี้ จะเป็นการแบ่งน้ำหนักการลงทุนระหว่างหุ้นคุณค่าและหุ้นปันผล โดยหุ้นโรงพยาบาล แนะนำ BH หุ้นเครื่องดื่ม แนะนำ OSP และหุ้นไฟแนนซ์ แนะนำ TIDLOR