สั่งเบรกก่อสร้างอาคารบนที่ดิน รอส.เขาค้อ นายทุนอ้างอัยการสั่งไม่ฟ้องคิดว่าไร้ปัญหา

เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะเจ้าหน้าที่ประกอบด้วยทหาร ป่าไม้และฝ่ายปกครองในพื้นที่อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ นำโดยพ.ท.เกียรติอุดม นาดี ผบ.ม.พัน 28 ลงพื้นที่ตรวจสอบอาคารสิ่งปลูกสร้างเมื่อช่วงเย็นวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่บริเวณบ้านส่งคุ้ม ต.เขาค้อ อ.เขาค้อ หลังได้รับร้องเรียนว่ามีนายทุนเร่งก่อสร้างอาคารสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่บนที่ดินราษฎอาสาสมัคร (รอส.) ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาปางก่อ-วังชมภู และฝ่าผืนประกาศอำเภอเขาค้อห้ามก่อสร้าง เมื่อไปถึงพบผู้รับเหมาและคนงานก่อสร้างจำนวนกว่า 30 คน กำลังเร่งก่ออิฐฉาบปูนพร้อมทาสีและตบแต่งภายในตัวอาคารตึกขนาดความสูง 4 ชั้นรวม 3 หลัง นอกจากนี้ยังพบว่าอาคารสิ่งปลูกสร้างแห่งนี้เคยถูกเจ้าหน้าที่จับกุมเมื่อปลายปี 2559 แต่อัยการหล่มสักสั่งไม่ฟ้องโดยให้เหตุผลเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ

ทั้งนี้จากการสอบถามนายสมนิต นุชอาจ ซึ่งรับว่าเป็นผู้ดูแลและผู้รับเหมาซึ่งอ้างว่า หลังอัยการสั่งไม่ฟ้องคิดว่าคงไม่เป็นปัญหาจึงเดินหน้าก่อสร้างต่อ และยืนยันที่ดินยังเป็นของ รอส.เจ้าของเดิมอยู่ ไม่มีซื้อขายเปลี่ยนมือและยังร่วมลงทุนด้วยกัน ซึ่งคณะเจ้าหน้าที่จึงขอตรวจสอบใบอนุญาตขอใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้และขออนุญาตก่อสร้าง โดยนายสมนิตยอมรับว่าไม่ได้มีการขออนุญาต พ.ท.เกียรติอุดมจึงแจ้งให้ยุติการก่อสร้าง โดยไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีแต่อย่างไร ทั้งนี้ ผบ.ม.พัน 28 ยังแจ้งด้วยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดระเบียบการบุกรุกพื้นที่ป่าเขาค้อที่ทหารขอใช้ ในกรณีนี้จะตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดเพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการจังหวัดพิจารณาจะดำเนินคดีอย่างไร โดยนายสมนิตรับปากจะระงับการก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป

ทั้งนี้มีรายงานว่า เมื่อราวต้นเดือนธันวาคมปี 2559 คณะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมกันจับกุมอาคารสิ่งปลูกสร้างบริเวณนี้ หลังพบว่าก่อสร้างในที่ดินเขตป่าสงวนแห่งชาติและอยู่ในแปลงที่ดินรอส. โดยฝ่ายทหารได้แจ้งกล่าวโทษในข้อหาก่อสร้างแผ้วถางยึดถือครอบครองในพื้นที่ป่าสงวนฯโดยไม่ได้รับอนุญาต ต่อมาพนักงานสอบสวน สภ.เขาค้อดำเนินคดีกับนายทุนรายหนึ่งเป็นผู้ต้องหา จากนั้นส่งสำนวนคดีต่อพนักงานอัยการจังหวัดหล่มสักโดยมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง กระทั่งเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2560 ทางอัยการจังหวัดหล่มสักได้มีหนังสือถึง ผกก.สภ.เขาค้อ แจ้งมีคำสั่งเด็ดขาดไม่สั่งฟ้องนายทุนผู้ต้องหารายนี้ โดยให้เหตุผลเพราะพยานหลักฐานไม่พอฟ้อง

ส่วนคำวินิจฉัยไม่สั่งฟ้องของพนักงานอัยการโดยสรุปว่า ผู้ต้องหาร่วมลงทุนกับนายละออซึ่งเป็นรอส.ที่ได้รับสิทธิจัดสรรที่ดินทำกิน การก่อสร้างอาคารเป็นศูนย์เรียนรู้บริการนักท่องเที่ยวและเพื่อการศึกษาเพื่อนำกำไรมาแบ่งปันกัน โดยอาศัยสิทธินายละออซึ่งยังเป็นผู้ครอบครองที่ดิน การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามข้อกล่าวหา อย่างไรก็ประเด็นการสั่งไม่ฟ้องดังกล่าวได้สร้างฉงนให้กับประชาชนเป็นจำนวนมากอีกด้วย เนื่องจากก่อนการจับกุมสิ่งปลูกสร้างรายนี้คณะเจ้าหน้าที่ทั้งทหาร ป่าไม้ ฝ่ายปกครอง ตำรวจและกอ.รมน. ได้ประชุมร่วมกันเพื่อวางแผนรวบรวมพยานหลักฐานให้รัดกุม เพื่อต้องการมัดผู้ต้องหามิให้ไปหลุดคดีในชั้นสอบสวน โดยเกรงซ้ำรอยเดิมหลังจากมีรีสอร์ทหลายรายซึ่งหลุดคดีในชั้นสอบสวนเพราะอัยการสั่งไม่ฟ้องเช่นกัน

Advertisment

 

ที่มา : มติชนออนไลน์