เมื่อวันที่ 21 กันยายน ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น นพ.สุขุม กาญจนพิมาย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งจะดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ในวันที่ 1 ตุลาคม2561 กล่าวในการประชุมชี้แจงแผนยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี ด้านสาธารณสุขและมอบนโยบายการดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุขปีงบประมาณ 2562 แก่นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด(นพ.สสจ.)และผู้อำนวยการโรงพยาบาลทั่วประเทศ ว่า นโยบายของกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)ที่จะเน้นการขับเคลื่อนในปี 2562 ที่เพิ่มเติมนอกเหนือจากงานประจำทั่วไป โดยจะเป็นการสร้างรากฐานในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของสธ.ในการที่กระทรวงจะก้าวเป็นกลุ่มนำในเรื่องความรู้ ข้อมูลมาใช้ในการพัฒนางานและคน ถ้าเกิดขึ้นอย่างชัดเจนก็จะทำให้สธ.เข้มแข็งขึ้นมาได้
นพ.สุขุม กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ นโยบายที่ตนมีข้อตกลงในการปฏิบัติราชการกับรัฐมนตรีว่าการ สธ.เป็นพิเศษมี 5 เรื่อง ได้แก่ 1.ระบบปฐมภูมิ เน้นการทำงานประสานความร่วมมือในรูปแบบคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ(พชอ.) คลินิกหมอครบครัวและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) รวมถึงให้มีระบบการส่งต่อที่เข้มแข็ง 2.การใช้ยาอย่างสมเหตุผล (rational drug use) ต้องมีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆที่จะให้ใช้งานได่อย่างสะดวกในการใช้ยาอย่างเหมาะสมและมีคุณภาพ
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
- NETA X ขายมิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
3.การควบคุมวัณโรค 4.การปฏิรูปกำลังคนด้านสุขภาพ (HRH Transformation) จะต้องมีการนำข้อมูลบิ๊กดาต้ามาใช้ในการผลิตบุคลากรตามความต้องการและอย่างเหมาะสม รวมถึง การสร้างขวัญกำลังใจและค่าตอบแทนต่างๆ และ5.การปฏิรูปกำลังคนด้านสุขภาพ (HRH Transformation) ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้กับงานด้านสาธารณสุข ภายใน 6 เดือนจะดำเนินการสร้างแอพพลิเคชั่นกลางสำหรับให้ทุกพื้นที่นำไปปรับใช้อย่างเหมาะสม ซึ่งแอพฯนี้จะเป็นการช่วยห้คนไข้และหน่วยบริการสาธารณสุขทุกระดับสามารถเชื่อมต่อข้อมูลถึงกันได้ทั้งหมด เพื่อให้ใช้ข้อมูลในการดูแลสุขภาพประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้จะเป็นแอพฯที่เข้าถึงทุกคนและค่าใช้จ่ายถูก
นพ.สุขุม กล่าวอีกว่า ในส่วนของการดำเนินงานโดยนำเทคโนโลยีดิจิตอลมาใช้กับงานด้านสาธารณสุขนั้น จะเป็นการทำให้หน่วยบริการสาธารณสุขทุกระดับมีข้อมูลสุขภาพของประชาชนที่เชื่อมประสานกัน เพื่อการให้บริการประชาชนจะได้เชื่อมต่ออย่างมีประสิทธิภาพ ยกตัวอย่างเช่น คนไข้เบาหวานอยู่ในกรุงเทพฯ แต่เกิดไปต่างจังหวัดและต้องรับบริการผ่าตัด แพทย์ที่ต้องการผ่าตัดก็สามารถทราบประวัติผู้ป่วยที่จำเป็นได้ อาทิ โรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา และยาที่ใช้เป็นประจำ เป็นต้น ซึ่งจะนำไปสู่การได้รับบริการที่เป็นมาตรฐานเดียวและนำข้อมูลคนไข้ที่ได้มาจัดระบบเพื่อใช้กำหนดทิศทางการพัฒนาบุคลากรให้ตรงกับความต้องการ จะได้ไม่มีปัญหาเรียนจบมาแล้วไม่มีตำแหน่งรองรับ และจะใช้เป็นช่องทางในการให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพแก่ประชาชนด้วย
“สำหรับในวันที่ 1 ตุลาคม 2561 ที่ผมจะเข้าทำงานในตำแหน่งปลัดสธ.เป็นวันแรก ขอร้องทุกคนที่จะเดินทางมาแสดงความยินดีกับผมที่ส่วนกลาง ไม่ต้องมา แต่ให้อยู่ในพื้นที่ ทำโครงการจิตอาสา เราทำความดีด้วยหัวใจ เพื่อประโยชน์ด้านสาธารณสุขและประชาชน แล้วถ่ายรูปส่งมาในเฟซบุ๊ค we are moph ก็พอ” นพ.สุขุมกล่าว
ที่มา มติชนออนไลน์