มหาเศรษฐีอันดับ 10 “ชูชาติ เพ็ชรอำไพ” ควัก 110 ล้าน ช่วย “บิ๊กตู่”

“ชูชาติ เพ็ชรอำไพ” มหาเศรษฐีอันดับ 10 ของประเทศ หัวเรือใหญ่ “เมืองไทย แคปปิตอล” ผู้นำสินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์และนาโนไฟแนนซ์ยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย ควักเงิน 110 ล้านบาท สู้โควิด-19 แบ่งเป็นแจกถุงยังชีพช่วยเหลือคนตกงาน 2 แสนถุง พร้อมบริจาคเงินให้กับโรงพยาบาลในจังหวัดสุโขทัย ผ่านสาธารณสุขจังหวัด เพื่อซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ รวมถึงสร้างอาคารผู้ป่วยนอกให้กับโรงพยาบาล อำเภอบ้านด่านลานหอย จังหวัดสุโขทัย พร้อมแนะ ธปท.ปรับแนวคิดกองทุน BSF อุ้มหุ้นกู้ Rating ต่ำกว่า Investment Grade ป้องกันผิดนัดชำระหนี้

นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (MTC) ผู้นำสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์และนาโนไฟแนนซ์ยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้รับหนังสือจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่บริษัทเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือบริจาคให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

โดยที่ผ่านมาบริษัทได้บริจาคเงินผ่านโรงพยาบาลรวม 7 แห่ง มูลค่า 60 ล้านบาท และ MTC ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยพร้อมช่วยเหลือและบริจาคเพิ่มเติม เพื่อให้ประเทศไทยก้าวพ้นความยากลำบากในครั้งนี้ไปด้วยกัน โดยบริษัทฯพร้อมที่จะทำใน 4 เรื่องหลักๆ คือ

1.บริษัทฯจะทำถุงยังชีพ ช่วยเหลือคนตกงานที่มีปัญหาในการดำรงชีพ ซึ่งในถุงยังชีพ ประกอบด้วย ข้าวสาร อาหารแห้งต่างๆ เช่น น้ำปลา ปลากระป๋อง น้ำมันพืช เป็นต้น จำนวน 200,000 ถุง มูลค่าถุงละ 300 บาท รวมเป็นเงิน 60 ล้านบาท

2. บริษัทพร้อมมอบเงินบริจาคให้กับโรงพยาบาลในจังหวัดสุโขทัย ผ่านสาธารณสุขจังหวัด เพื่อนำไปใช้ซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ เพื่อสู้กับโควิด-19 รวมไปถึงใช้สำหรับสร้างอาคารผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลอำเภอบ้านด่านลานหอย จังหวัดสุโขทัย รวมเป็นเงินบริจาค 50 ล้านบาท

Advertisment

3. บริษัทพร้อมเปิดพื้นที่หน้าอาคารสำนักงานทุกแห่ง ซึ่งมีมากกว่า 4,000 สาขา เพื่อให้ประชาชนที่มีความเดือดร้อน นำสินค้าเกษตร หรือผลิตภัณฑ์ OTOP มาวางจำหน่ายที่หน้าสำนักงานสาขาได้ทั่วประเทศ

4. บริษัทพร้อมให้รัฐบาลรวมถึงองค์กรต่างๆของรัฐหรือเอกชนใช้เครือข่ายสาขาของเมืองไทย แคปปิตอล ที่มีมากกว่า 4,000 แห่งทั่วประเทศ เป็นศูนย์ในการกระจายความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากโควิด-19

นายชูชาติ กล่าวต่อว่า ในสัปดาห์หน้าเตรียมทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เตรียมจัดตั้งกองทุนเสริมสภาพคล่องตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน (Corporate Bond Stabilization Fund : BSF) วงเงิน 400,000 ล้านบาท เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนสำรองชั่วคราว สำหรับเข้าไปซื้อตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทที่มีคุณภาพดีมี Rating อย่างน้อยต้องอยู่ในระดับ Investment grade โดยอยากเห็นการทบทวนแนวคิดการช่วยเหลือภาคเอกชนที่ออกหุ้นกู้ โดยเฉพาะให้ความช่วยเหลือภาคเอกชนที่ออกหุ้นกู้ในระดับที่ต่ำกว่า Investment grade มากกว่า