“บิ๊กตู่” ชื่นชมคณะกรรมการสอบคดีบอส เตรียมยกคดีทำใหม่ โดยเฉพาะคดีที่ไม่หมดอายุความ จ่อปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมให้น่าเชื่อถือ ไม่ให้ประเทศเป็นอนาธิปไตย
วันที่ 1 กันยายน 2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงผลการสรุปของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ที่มีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธาน ว่า ในกรณีคดีสำนักงานอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา ในคดีต่างๆ ทุกข้อหารวมทั้งขับรถโดยประมาททำให้ตำรวจเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ เมื่อปี 2555
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ไม่เห็นแย้งคำสั่งไม่ฟ้องถึงที่สุด เป็นคดีที่คาใจประชาชน ไม่อยากให้ประชาชนไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของเรา มีการดำเนินคดีมากมายเป็นหมื่นเป็นแสนคดี มีบางคดีที่เกิดประเด็นเหล่านี้มา จึงเชิญอาจารย์วิชา มหาคุณ ซึ่งกำหนดไว้ 30 วัน ทำงานอย่างน่าชมเชย มีการประชุมทุกวัน มีการส่งรายงานทุก 10 วัน มีการโทรศัพท์หาผม ปรึกษากัน แต่ไม่ได้ก้าวล่วง ถือว่าตรงกลาง ก้าวล่วงอัยการไม่ได้เพราะเป็นองค์กรอิสระ จึงสั่งไปยังตำรวจ ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ
โดยคณะกรรมการลงมติใช้เวลามาถึง 8 ปี เกี่ยวข้องจำนวนมาก ตำรวจ อัยการ ทนายความ ฝ่ายการเมือง ดูสลับซับซ้อนพิกลอยู่ ซึ่งสังคมไม่ไว้วางใจตรงนี้ มีการร้องเรียนขอความเป็นธรรมซ้ำซากถึง 14 ครั้ง คณะกรรมการตรวจสอบใช้คำว่า อาจมีการทำเป็นกระบวนการ ต้องตรวจสอบต่อไปให้เกิดความชัดเจนเกิดขึ้น มาดูว่าเราจะทำอะไรต่อไปได้ตรงนี้ อย่าไประบุชื่อว่าใครบ้าง เพราะยังต้องเข้ากระบวนการตรวจสอบ รู้ก็ได้เพียงรู้ ความขัดแย้งก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ ถึงเวลาก็จะปรากฏออกมาเอง
วันนี้ข้อเสนอแนะ 1.ยกคดีขึ้นดำเนินการใหม่ โดยเฉพาะคดีที่ยังไม่ขาดอายุความ ซึ่งดำเนินการได้แน่นอน เพราะยังมีอีก 2-3 คดีที่ยังดำเนินการอยู่และ 2.ดำเนินคดีและวินัยกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย 3.บางเรื่องยังไม่ชัดเจนว่ามีความผิดหรือไม่ แต่จะตรวจสอบพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องในเชิงจริยธรรม 4.ซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการมอบอำนาจ ของผู้บังคับบัญชาว่าจะทำอย่างไรเมื่อมอบอำนาจไปแล้ว ต้องไปดูการแก้ไขกฎระเบียบอีกหลายเรื่องเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติในการมอบอำนาจ
สิ่งเหล่านี้จะส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการตามอำนาจหน้าที่โดยทันที ถ้าเป็นตำรวจผมกำกับดูแลอยู่แล้ว อัยการเป็นองค์กรอิสระ ทนายความต้องไปดูแลว่ามีคนที่เกี่ยวข้อง รัฐบาลให้ ป.ป.ท. ติดตามประสานงาน ติดตามความก้าวหน้าและรายงานให้ประชาชนทราบเป็นระยะ อีกทั้งคณะกรรมการทำงานต่อ 30 วัน เพื่อเสนอแนะปรับปรุงแก้ไขกฎหมายในเชิงปฏิรูปให้ชัดเจน เราได้คุยกันแล้วว่าเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์แท้จริง ใครมีเบาะแส ส่งให้คณะกรรมการได้ด้วยต่อไป
“มีหลายคนให้เกียรติกับเราคณะกรรมการไม่ได้หวังอะไรตอบแทน เพราะทุกคนต้องการให้เกิดความชัดเจนในเรื่องกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นหลักของประเทศชาติ ถ้าอยู่แบบไร้กฎหมายไม่ได้ บ้านเมืองจะกลายเป็นอนาธิปไตยทันที ไม่ใช่ประชาธิปไตยแล้ว ไม่มีกฎหมายแล้วอยู่ไม่ได้ หลายอย่างทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศ ความเชื่อมั่นของต่างประเทศก็เสียไป เศรษฐกิจก็ไม่มั่นคง การลงทุนก็ลดลง ถามว่าเราจะได้อะไร ชัยชนะท่ามกลางซากปรักหักพังใครจะได้อะไร ผมถามหน่อยเถอะ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
