เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม นายสมพงษ์ เวียงแก้ว รองปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ในภาพรวมของแม่น้ำเจ้าพระยา ว่าตามที่ กทม.ได้ติดตามสถานการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยา และประสานงานร่วมกับกรมชลประทานอย่างใกล้ชิด ปัจจุบันระดับน้ำในแม่เจ้าพระยาสามารถระบายน้ำได้ 2,300 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาที จากเดิม 2,000 ลบ.ม.ต่อวินาที โดย กทม.คาดว่าปริมาณน้ำจะสูงถึง 2,500 ลบ.ม.ต่อวินาที ในวันที่ 19 ตุลาคมนี้ เนื่องจากกรมชลฯได้บริหารจัดการน้ำจากภาคเหนือ จึงทำให้ปริมาณน้ำจะไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างมากขึ้น ซึ่งกรมชลฯ ก็มีแผนในการผลักดันน้ำไปยังภาคตะวันออกและบางส่วนของภาคตะวันตก ทำให้ปริมาณน้ำไหลผ่าน จ.พระนครศรีอยุธยา และอาจทำให้พื้นที่ตามแนวริมแม่น้ำเจ้าพระยาได้รับผลกระทบบางส่วน
นายสมพงษ์กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันปริมาณน้ำผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา ณ ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร เฉลี่ยประมาณ 2,000 ลบ.ม.ต่อวินาที อยู่ในเกณฑ์ที่ กทม.สามารถรองรับได้ ไม่ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ใด อย่างไรก็ตาม ปริมาณน้ำสะสมในเขื่อนใกล้เต็มความจุของเขื่อน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงมีแผนปัดน้ำจากเขื่อนต่างๆ เข้าแม่น้ำสายหลัก อาจทำให้ปริมาณน้ำไหลผ่านพื้นที่กรุงเทพฯ มากขึ้นด้วย แต่จากการติดตามแผนระบายน้ำจากเขื่อนต่างๆ ขณะนี้ยังไม่มีผลกระทบต่อพื้นที่ ยกเว้นชุมชนที่อาศัยอยู่นอกแนวป้องกันริมแม่น้ำเจ้าพระยาประมาณ 400 กว่าครัวเรือน อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.ก็ได้กำชับไปยังสำนักงานเขตทั้ง 10 เขต ในพื้นที่ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเข้าอำนวยความสะดวกประชาชนในด้านต่างๆ ทั้งนี้ ในส่วนของพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นในนั้น สถานการณ์ยังไม่น่าเป็นห่วง โดย กทม.ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เรียกได้ว่าเป็นการติดตามชั่วโมงต่อชั่วโมง เพื่อติดตามผลกระทบจากอิทธิผลการปล่อยน้ำและสถานการณ์น้ำขึ้น-น้ำลง รวมถึงน้ำเหนือด้วย
- เปิด 10 อันดับที่ดินต่างจังหวัด แพงสุดในประเทศไทย
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 พ.ค. ย้อนหลัง 10 ปี
- กรมอุตุฯเตือน รับมือฝนตกหนักอีกรอบ 17-19 พ.ค.นี้ หนักสุดถึง 70% ของพื้นที่
นายสมพงษ์กล่าวอีกว่า สำหรับปริมาณน้ำฝนที่กรมอุตุฯ ประกาศเตือนฝนตกชุกหนาแน่นทั่วประเทศในระยะนี้ เป็นสิ่งที่น่ากังวล เพราะจะทำให้เป็นปริมาณสมทบกับน้ำเหนือและน้ำหนุน เบื้องต้นคาดการณ์ว่าปริมาณฝนนั้นอาจกระทบต่อระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาไม่มากนัก ฉะนั้น ฝนที่ตกลงมาในช่วง 1-2 วันนี้ อาจทำให้มีน้ำท่วมขังในพื้นที่กรุงเทพฯ เนื่องจาก กทม.ได้มีแผนบริหารจัดการน้ำฝนปิดล้อมปริมาณน้ำทั้งหมด โดยการลำเลียงปริมาณน้ำฝนในระบบลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาและพื้นที่รอบนอก ซึ่ง กทม.ก็พยายามเร่งระบายน้ำส่วนนี้ให้แห้งเป็นปกติภายใน 1-2 ชั่วโมง หรือตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ส่วนในกรณีของน้ำเหนือและน้ำหนุนนั้นอยู่ในเกณฑ์ที่ต้องเฝ้าระวัง แต่ กทม.มั่นใจว่ารับมือได้
“ขณะนี้ กทม.ได้เตรียมรับมือสถานการณ์ คือ ติดตามและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมติดต่อข้อมูลกับกรมชลฯ อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ กทม.ได้เตรียมกระสอบทรายเรียงตามแนวป้องกันน้ำท่วมริมพระยา ตามบริเวณจุดฟันหลอ เช่น ท่าเทียบเรือ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งไหลเข้ามายังพื้นที่กรุงเทพฯ” นายสมพงษ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงการการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในบริเวณเขตพระนครและรอบสนามหลวง เนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม เกิดน้ำรอระบายรอบบริเวณดังกล่าว นายสมพงษ์กล่าวว่า พล.ต.อ.อัศวินได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพราะเป็นสถานที่สำคัญ พร้อมกำชับให้ตรวจสถานีสูบน้ำและบ่อสูบน้ำในพื้นที่สนามหลวงและบริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวังพร้อมใช้งานได้ทุกจุด รวมถึงตั้งรถสูบน้ำเคลื่อนที่ รถกำเนิดไฟฟ้า และเตรียมหน่วยเบสท์ เจ้าหน้าที่ พร้อมอุปกรณ์ประจำพื้นที่โดยรอบเพื่อสนับสนุนการทำงานด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 08.30 น. วันที่ 12 ตุลาคมนี้ พล.ต.อ.อัศวิน พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะลงเรือบริเวณท่าเรือกองการท่องเที่ยว สำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยง หรือบริเวณใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า เพื่อตรวจความเรียบร้อยตามแนวป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยาและเยี่ยมชุมชนที่อาศัยอยู่นอกแนวป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย
ที่มา : มติชนออนไลน์