“สุริยะ”สั่งกรมโรงงานฯ ส่งเจ้าหน้าที่รุดลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพอากาศ คุณภาพน้ำ การกำจัดของเสียปนเปื้อนพื้นที่โรงงานไฟไหม้ พร้อมวางแผนควบคุมความเสี่ยง ด้าน กรอ.ปูพรมตรวจพื้นที่พบสารเคมีตกค้างบางส่วน สไตรีนตกค้าง 1,600 ตัน ต้องเตรียมแผนขนย้ายทำลายตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย เผยอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเตรียมเอาผิดและสั่งปิดโรงงานเร็วที่สุด
วันที่ 6 กรกฎาคม 2564 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยความคืบหน้าสถานการณ์ ไฟไหม้โรงงานบริษัท หมิงตี้เคมีคอล จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตโฟม และเม็ดพลาสติก ภายในซอยกิ่งแก้ว 21 ถนนกิ่งแก้ว ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
- NETA X ขายมิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
ว่า ได้สั่งการให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง คุณภาพอากาศ คุณภาพน้ำ และสารเคมีที่ตกค้างในพื้นที่อย่างเร่งด่วน ซึ่งเรื่องดังกล่าวทางนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ได้กำชับให้ทางกระทรวงฯเร่งดำเนินการตรวจสอบ และดูแลในเรื่องของคุณภาพชีวิตของชุมชน และผู้ประกอบการโรงงาน
นายประกอบ วิวิธจินดา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กล่าวเสริมว่า กรอ.ได้ตั้งทีมเฉพาะกิจในการติดตามสถานการณ์ดังกล่าวแล้วอย่างใกล้ชิด โดยได้นำรถตรวจวัดคุณภาพอากาศเคลื่อนที่ (รถโมบาย) ไปตรวจวัดคุณภาพอากาศบริเวณโรงงานฯ และบริเวณใกล้เคียงโรงงาน มาตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา
โดยจะเร่งประมวลผลและแจ้งผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศผ่านเว็บไซต์ของกรอ. www.diw.go.th แบบ Real Time เพื่อให้ประชาชนเข้าไปตรวจสอบคุณภาพอากาศได้
ขณะที่นายวีระกิตติ์ รันทกิจธนวัชร์ รองอธิบดี กรอ. ได้นำคณะเจ้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อแก้ไขปัญหาและจัดทำแผนในการป้องกันเหตุ ซึ่งจากการตรวจสอบพื้นที่เบื้องต้น พบว่า โรงงานเครื่องจักรเสียหายทั้งหมด และมีสารเคมีตกค้างอยู่ประมาณ 4 -5 ถัง ที่คาดว่าน่าจะเป็นสารเพนเทน ซึ่งองค์ประกอบทางสารเคมีน่าจะเสียหายหมดแล้ว โดยสารเคมีดังกล่าวจะต้องส่งไปทำลายทั้งหมดตามวิธีการที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ
ขณะที่ซากปรักหักพัง ทั้งในส่วนของโครงสร้างอาคาร เหล็ก อิฐ ปูนต่างๆ ทางโรงงานต้องดำเนินการแจ้งมายัง กรอ.เพื่อให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย ในเรื่องของการจัดการกากอุตสาหกรรม เนื่องจากว่าอาจมีการปนเปื้อนสารเคมีด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ สารตกค้างที่ยังอยู่ในพื้นที่สังเกตได้จากความร้อนใต้พื้นดินที่รู้สึกได้ แสดงว่ายังมีโอกาสที่จะปะทุได้อีก ดังนั้น ยังคงต้องฉีดน้ำเลี้ยงไปยังถังที่หลงเหลืออยู่เพื่อเลี้ยงอุณหภูมิไว้ ขณะเดียวกันทางโรงงานกำลังดำเนินการนำสารเคมีบางชนิดมาจับ เพื่อให้สามารถขนย้ายได้ง่ายและนำไปกำจัด โดย กรอ.ได้สั่งการให้โรงงานขนออกไปกำจัดได้อย่างถูกวิธี
โดยคาดว่าสารที่เหลืออยู่ตอนนี้คือสไตรีนน่าจะมีประมาณ 1,600 ตัน ในส่วนของการเก็บตัวอย่างน้ำในคลองชวดลาดข้าว อยู่ทิศตะวันออกของโรงงาน จุดเก็บก่อนไหลผ่านและหลังไหลผ่านโรงงาน ซึ่งจะไหลลงคลองประเวศและเก็บตัวอย่างน้ำในคลองอาจารย์พร ด้านทิศเหนือของโรงงาน และคลองประเวศ รวมทั้งหมด 6 จุดตรวจวัด ซึ่งจะนำเข้าห้องปฏิบัติการเพื่อวิเคราะห์การปนเปื้อนของสารอินทรีย์ระเหยง่ายในน้ำ
รวมทั้งเก็บตัวอย่างน้ำภายในโรงงานซึ่งเกิดจากการดับเพลิง จำนวน 2 จุด ตรวจวัด รวมทั้งหมด 8 จุดตรวจวัด และการตรวจวัดสภาพอากาศ จุดที่ 1 จุดฉีดวัคซีน นิคมอุตสาหกรรมธัญธานี (เหนือลม ห่างจาก 2 กม) พบสารสไตรีน 0.42 ppm เบนซีน 0.55 ppm จุดที่ 2 จุด ware house (ใต้ลม ห่างจาก 1 กม) พบสารสไตรีน 0.83 ppm เบนซีน 0.81 ppm ทั้งนี้ ขีดจำกัดการรับสัมผัสสารเคมีทางการหายใจแบบเฉียบพลัน กำหนดค่าขีดจำกัดการรับสัมผัสสารเคมีทางการหายใจแบบเฉียบพลันของสารสไตรีนไว้ 3 ระดับ ได้แก่
ระดับที่ 1 มีค่า 20 ppm (ระดับความเข้มข้นสูงสุดของสารเคมีในบรรยากาศ ที่ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน)
ระดับที่ 2 มีค่า 130 ppm (ระดับความเข้มข้นสูงสุดของสารเคมีในบรรยากาศ ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพอย่างไม่ร้ายแรง)
ระดับที่ 3 มีค่า 1,100 ppm (ระดับความเข้มข้นสูงสุดของสารเคมีในบรรยากาศ ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง แต่ไม่ถึงขั้นเสียชีวิต)
สำหรับโรงงานหมิงตี้ เป็นโรงงานอุตสาหกรรม จำพวก 3(โรงงานที่ขนาดเครื่องจักรเกิน 75 แรงม้า หรือคนงานเกิน 75 คน) โดยโรงงานได้มีการประเมินความเสี่ยงตั้งแต่การตั้งโรงงาน โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบ โดยอยู่ภายในกำกับดูแลของทางจังหวัดในส่วนของการตรวจสอบทั่วไป โดยเฉพาะในเรื่องของการประเมินความเสี่ยงที่จะต้องตรวจสอบทุก ๆ 5 ปี
ทั้งนี้ ทาง กรอ. จะเร่งแก้ปัญหาและดำเนินการตามกฎหมาย กับโรงงานบริษัทหมิงตี้ต่อไป โดยอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลและจะสั่งปิดโรงงานโดยเร็วที่สุด