“ปิยะสกล” ประกาศมอบของขวัญปีใหม่ผู้ป่วย 17 กลุ่มโรคมีเฮ

เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัด สธ. และผู้บริหาร ร่วมแถลงข่าวของขวัญปีใหม่ 2561 ว่าสำหรับปีใหม่ที่จะถึงนี้จะเน้นในเรื่องการเข้าถึงบริการทางด้านสาธารณสุขของประชาชน โดยของขวัญมีทั้งสิ้น 4 เรื่องหลักๆ ที่จะมอบให้แก่ประชาชนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 เป็นต้นไป 1.ให้ประชาชนเข้าถึงการบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีมาตรฐาน ปลอดภัย สะดวก รวดเร็ว ลดการรอคอย ลดความแออัดในโรงพยาบาลด้วยบริการผ่าตัดวันเดียวกลับบ้านในโรงพยาบาล หรือ One Day Surgery โดยตั้งเป้าปี 2561 มีผู้ป่วยเข้าถึงการผ่าตัดดังกล่าวร้อยละ 15 และเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 30 ในปี 2564 ในผู้ป่วย 12 กลุ่มโรค คือ โรคไส้เลื่อนที่ขาหนีบ โรคถุงน้ำที่อัณฑะ โรคริดสีดวงทวาร ภาวะเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด โรคเส้นเลือดดำโป่งพองในหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร ภาวะหลอดอาหารตีบ ภาวะอุดตันของหลอดอาหารจากมะเร็งหลอดอาหาร ติ่งเนื้องอกในลำไส้ใหญ่ นิ่วในท่อน้ำดี นิ่วในท่อของตับอ่อน ภาวะท่อน้ำดีตีบ และภาวะท่อตับอ่อนตีบ

“2.คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) อนุมัติยา 7 รายการใหม่ใน 5 กลุ่มโรค 3.แอปพลิเคชั่นเข้าถึงยา “RDU รู้เรื่องยา” เป็นแอปพลิเคชั่นที่ทำให้ประชาชนสามารถรู้เท่าทันการใช้ยาอย่างสมเหตุผม และ4.แอพพลิเคชั่น “สมุนไพรเฟิร์ส” (samunpraifirst)” นพ.ปิยะสกล กล่าว

นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า สำหรับของขวัญปีใหม่ที่จะมอบให้แก่ผู้ป่วยให้เข้าถึงยาเพิ่มขึ้น คือ การเข้าถึงการบริการของผู้ป่วย 5 กลุ่มโรค 7 รายการยา ซึ่งได้ผ่านคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2560 มีมติอนุมัติเพิ่มสิทธิประโยชน์ยาจำเป็น ดังนี้ ยากลุ่มที่ 1 ยารักษาการติดเชื้อราในกระแสเลือด ประกอบด้วย ยา 2 ตัว คือ ยา Voriconazole (โวริโคนาโซล) ยาเดิมแต่เพิ่มเติมข้อบ่งใช้ในการรักษาการจากการติดเชื้อราแอสเปอจิรัสระยะลุกลามเพิ่มเป็นจากเชื้อราชนิดฟูซาเรียม Fusarium spp., Scedosporium spp. ซเก็ดโดสปอเรียม และ ยา Micafungin (ไมคาฟังกิน) ยาใหม่ ใช้เป็นทางเลือกในการรักษาการติดเชื้อราชนิด Invasive candidiasis ที่ดื้อต่อยา Fluconazole ฟลูโคนาโซล หรือไม่สามารถใช้ amphotericin B แอมเธอริซิน บี ได้

นพ.ศักดิ์ชัยกล่าวอีกว่า ยากลุ่มที่ 2 ยาตับอักเสบซี มียา 2 รายการ คือ ยา Sofosbuvir (โซฟอสบูเวียร์) ยาใหม่ใช้ร่วมกับยาเดิม ในการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ทำให้รักษาหายเกินร้อยละ 90 และ ยาเม็ดผสม Sofosbuvir + Ledipasvir (โซฟอสบูเวียร์ยา + เลดิพาสเวียร์) เป็นยาสูตรผสม [SOF/LDV] ยาใหม่ ทดแทนยาเดิม สำหรับรักษาโรคไวรัสตับอักเสบซีแทนยาชนิดเดิมได้ผลเกินร้อยละ 90

ยากลุ่มที่ 3 ยาต้านไวรัสเอชไอวี คือ ยา Raltegravir (ราลทิกราเวียร์) ยาใหม่ใช้ร่วมกับยาเดิม ยาต้านไวรัสเอชไอวีสำหรับรักษาผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีที่ดื้อต่อสูตรพื้นฐาน ยากลุ่มที่ 4 ยามะเร็งต่อมน้ำเหลือง คือ ยา Rituximab (ริทูซิแมบ) ยาใหม่ใช้ร่วมกับยาเดิมรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง ชนิด DLBCL ยากลุ่มที่ 5 คือ ยาขับเหล็กในเด็ก คือ ยา Deferasirox (ดีเฟอราซีร็อกซ์) ยาใหม่ ใช้เป็นทางเลือกในการรักษาผู้ป่วยธาลัสซีเมียที่มีอาการธาตุเหล็กเกินในร่างกาย โดยยาทั้ง 7 รายการเป็นยาที่คัดเลือกโดยผู้เชี่ยวชาญโดยคณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ ตามขั้นตอนต่างๆ ผ่านเกณฑ์การพิจารณาด้านภาระงบประมาณ และมีการต่อรองราคายาในราคาที่ถูกลง เช่น ยา Sofosbuvir (โซฟอสบูเวียร์) ยาต้นแบบราคาเม็ดละ 1,500 บาท เหลือเม็ดละ 130 บาท เป็นต้น

 

ที่มา : มติชนออนไลน์