
นอกจากนักช็อปไทยจะไม่แพhใครในโลกแล้ว พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ไทยยัง live ขายของเก่งไม่แพงใครอีกด้วย และยังเป็นเทรนด์ที่มาแรงของอีคอมเมิร์ซไทย “นิธินันท์ อัศวทร” Thailand Country Head บริษัท เอ็มเซเว่นทีน เซอร์วิสเซส ไทยแลนด์ กล่าวว่า เทรนด์ของการซื้อขายสินค้าผ่านการแชตออนไลน์ เป็นเทรนด์ที่มาแรง
จากผลสำรวจของ Facebook พบว่า ประเทศไทยซื้อสินค้าผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ทั้ง live commerce ซึ่งแตกแขนงออกมาจาก conversational commerce คือ ซึ่งเป็นการรวบรวมเอาโซเชียลมีเดีย อีคอมเมิร์ซ และสตรีมมิ่งแพลตฟอร์มเข้ามาไว้ด้วยกัน ทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายตอบโต้สื่อสารได้ทันทีกำลังเป็นที่นิยม
- ไทยตกขบวน ทุนต่างชาติไหลเข้าเวียดนาม 2 พันโปรเจ็กต์
- แพทองธาร ประกาศสางหนี้คนอีสาน ฟื้นแผนสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึง
- D.DOPA แอปบัตรประชาชนดิจิทัล ทะเบียนบ้านดิจิทัล ใช้ทำอะไรได้บ้าง
แม้ว่ายังค่อนข้างใหม่ในไทย แต่ในจีน ไต้หวัน และญี่ปุ่น มีมานานแล้ว และถือเป็นอาชีพที่น่าสนใจ เพราะมีการทำรายได้ค่อนข้างสูง
“ในจีนจะเห็นผู้คนส่วนใหญ่นิยมนั่งดูไลฟ์ระหว่างโดยสารบนรถไฟฟ้า และยอดขายกว่า 50% ของเว็บไซต์ยอดนิยมอย่าง เถาเป่า ก็มาจากการ live ในไทยเองก็บังฮาซัน เจ้าของเพจอาหารทะเลตากแห้ง ที่สตูล ก็ดังเพราะ live ขายของ”
ทางเอ็มเซเว่นทีนจึงเล็งเห็นถึงความสำคัญตรงนี้ และพร้อมเป็นผู้นำในการเปิดตลาด live commerce ในประเทศไทย โดยหวังเป็นตัวกลางในการช่วยจัดวางกลยุทธ์ในการขายให้กับผู้ประกอบการร้านค้าต่าง ๆ ผ่านแพลตฟอร์ม “แฮนด์ อัพ” โซลูชั่นแรกของทางบริษัท
“แฮนด์ อัพ” จะเชื่อมระหว่างนักไลฟ์กับนักช็อปไว้ด้วยกัน ซึ่งนักไลฟ์คือ ผู้ที่มีอิทธิพลทางความคิดและไลฟ์สไตล์ของผู้ซื้อ ทั้ง KOL (key opinion leader) และ influencer ต่าง ๆ ที่จะมาช่วยรีวิวและทำคอนเทนต์ให้กับสินค้าแบรนด์ต่าง ๆ น่าสนใจมากยิ่งขึ้น
“3 เดือนที่ soft launch 3 เดือนที่ผ่านมา ทาง M17 มีนักไลฟ์ประมาณ 100 คน มีการคิดค่าตอบแทน โดยแบ่งเป็นสองส่วน คือ 1) ค่าตัว และ 2) ค่าคอมมิสชั่น โดยนักไลฟ์นั้นไม่ได้จำเป็นว่าจะต้องมียอดผู้ติดตามจำนวนมาก เพราะบางผู้ประกอบการร้านค้า อาจจะต้องการนักไลฟ์ที่มีความสามารถในการพูดคุยเท่านั้น เอ็มเซเว่นทีนก็ได้ตั้งเป้าหมายร้านค้าในไทยไว้ที่จะเข้าร่วมแพลตฟอร์มนี้ที่ 2,000 ร้านค้าในปีแรก”