InVent จับจังหวะโควิดตุนอินชัวร์เทค “lgloo” เข้าพอร์ตเจาะตลาดประกันภัยดิจิทัลอาเซียน 2 พันล้านดอลลาร์

อินเว้นท์ (InVent) โครงการธุรกิจร่วมลงทุนในสตาร์ตอัพ ของ บมจ. อินทัช โฮลดิ้งส์  ได้ลงทุนใน “Axinan” สตาร์ทอัพอินชัวร์เทคระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่เพิ่งรีแบรนด์เป็น “lgloo” ซึ่งได้เปิดระดมทุนในรอบ Series A+ รับเงินลงทุนราว 16 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 480 ล้านบาท)

โดยเป็นการร่วมลงทุนกับนักลงทุนเดิมของ Axinan อย่าง Openspace Ventures กลุ่มนักลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ Linear Capital กลุ่มนักลงทุนจากเซี่ยงไฮ้ที่มุ่งเน้นลงทุนในเทคสตาร์ทอัพช่วงเริ่มต้น  ทั้งยังมีนักลงทุนรายใหม่ที่เข้าร่วมลงทุนด้วย อย่าง Singtel innov8 , Cathay Innovation  และ Partech Partners

“ดร.ณรงค์พนธ์ บุญทรงไพศาล” หัวหน้าโครงการบริษัทร่วมทุนอินเว้นท์ บมจ. อินทัช โฮลดิ้งส์  กล่าวว่า  Axinan รีแบรนด์ดิ้งเป็น “Igloo” ตั้งแต่เม.ย. นี้ เป็นอินชัวร์เทคบริษัทแรกใน Portfolio ของอินเว้นท์  โดยกลุ่มอินชัวร์เทค เช่น Igloo เป็นแนวหน้าในการผลักดันให้เกิด Digital Tranformation ในอุตสาหกรรมดิจิทัล ทำให้บริษัทประกันสามารถสร้างโปรดักต์ที่มีนวัตกรรมตอบสนองกับคนยุค Millennials ได้ดีขึ้น  ทั้งเชื่อว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ Igloo มีจะเป็นปัจจัยผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมได้อย่างแท้จริง ด้วยการนำเสนอบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น

Igloo ก่อตั้งขึ้นโดยนายเหว่ย ซู ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยีของ Grab และทำงานในบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีระดับโลก เช่น Facebook และ Microsoft  มามากกว่า 20 ปี มุ่งนำเสนอบริการประกันที่สามารถปรับได้ตามความต้องการของลูกค้าแต่ละคน

ที่ผ่านมาเป็นอินชัวร์เทคที่ทำงานร่วมกับอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ และกลุ่มท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น Bukalapak Lazada Shopee Shippit Bhinneka และ RedDoorz และพันธมิตรด้านประกันภัยในภูมิภาค เช่น  Allianz  Baoviet  FWD Singapore  Mercantile และ Sompo

โดยตั้งแต่ ก.พ. 2562 – ก.พ. 2563 ได้ให้บริการประกันภัยกับผู้บริโภคมากกว่า 15 ล้านคน  คุ้มครองรายการสินค้ามากกว่า 50 ล้านธุรกรรม ครอบคลุมกลุ่มอิเล็คทรอนิคส์ บ้าน และอุบัติเหตุส่วนบุคคล ปัจจุบันทำตลาดอยู่ในประเทศ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ และออสเตรเลีย

โดยแบรนด์ใหม่ “lgloo” นี้มาจากชื่อผลิตภัณฑ์หลัก คือ ประกันภัยสินค้าดิจิทัลในชื่อ Igloo  ซึ่งคาดกาณ์ว่าตลาดกลุ่มนี้เป็นตลาดที่กำลังเติบโตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะประชากรส่วนใหญ่มีอัตราการใช้ผลิตภัณฑ์ดิจิทัลสูงขึ้น ขณะที่การประกันภัยดิจิทัลในภูมิภาคนี้ยังมีสัดส่วนตลาดแค่เพียง 6%

ด้านนายเหว่ย ซู ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Igloo กล่าวว่า โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนทั้งชีวิตส่วนตัวและการทำธุรกิจ  การเข้าสู่ดิจิทัลจะเป็นปัจจัยที่ทำให้โลกปรับเปลี่ยนสู่ความปกติในรูปแบบใหม่ หรือเข้าสู่วิถีใหม่ (New Normal) โดยเฉพาะกับแวดวงประภันภัยดิจิทัล ซึ่งเงินจากการระดมทุนในรอบนี้ จะนำไปพัฒนาธุรกิจให้เติบโตขึ้น 2 เท่า ด้วยการขยายตลาดไปยังเวียดนาม และเสริมความแข็งแกร่งให้กับตลาดในฟิลิปปินส์ และไทย ซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตในภูมิภาคนี้ รวมถึงสร้างทีมวิศวกร เพื่อขับเคลื่อนโซลูชั่นที่ช่วยประเมินความเสี่ยง และการเคลมประกันที่รวดเร็วขึ้น

Igloo กำลังเจรจากับกลุ่มอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ธนาคาร และสถาบันการเงินอื่น ๆ รวมถึงเอเจนซี่ท่องเที่ยวออนไลน์ (OTAs) ในภูมิภาคเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ผ่านพันธมิตรธุรกิจด้านประกันโดยใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ ล่าสุด Igloo ได้รับรางวัลสิทธิบัตรด้านเทคโนโลยีการประเมินผลผ่านทางหน้าจอด้วย

โอกาสทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของ Igloo ขึ้นอยู่กับการเติบโตของการประกันภัยดิจิทัลในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีการคาดการณ์ว่าจะเติบโตถึง 8 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2568 ซึ่งการเติบโตดังกล่าวเป็นผลมาจากการเติบโตทางอินเทอร์เน็ตซึ่งคาดการณ์ว่าจะสูงถึง 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐในปี 2568 ตามรายงานของ e-Conomy SEA 2019