สัมผัส “วีโว่ วี 7+” สมาร์ทโฟน “จอเต็มเน้นเซลฟี”

ต้องยอมรับว่าปีนี้เป็นปีแห่งเทรนด์สมาร์ทโฟนจอไร้ขอบ ไร้ปุ่มโฮมที่มีขนาดหน้าจอสัดส่วน 18 : 9 จากเดิม 16 : 9 (ไม่มีขอบข้าง) ช่วยทำให้หน้าจอสมาร์ทโฟนใหญ่ขึ้น แต่ขนาดเครื่องไม่ได้ใหญ่ตาม ทำให้สามารถพกพาได้สะดวกดังเดิม โดยหลากหลายแบรนด์ต่างก็นำนวัตกรรมนี้มาใช้ในสมาร์ทโฟนของตนเอง และสำหรับสมาร์ทโฟนสัญชาติจีน “วีโว่” (Vivo) ก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยนำร่องใช้ในรุ่นวีโว่ วี 7 พลัส (Vivo V7+) เป็นรุ่นแรกที่มีจอเต็ม โดยมีขนาดหน้าจอ 5.99 นิ้ว มีน้ำหนัก 160 กรัม พร้อมจุดเด่นกล้องหน้าความละเอียด 24 ล้านพิกเซล กล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล (ราคา 12,990 บาท)

สำหรับสเป็ก Vivo V7+ มาพร้อม Snapdragon 450, RAM 4 GB, หน่วยความจำภายใน 64 GB (เพิ่ม micro SD card ได้สูงสุด 256 GB) ซึ่งจากการทดลองใช้งาน ต้องบอกว่าทำได้ค่อนข้างดี ลื่นไหลไม่มีสะดุดหรือช้าอะไร แต่ถ้าเล่นเกมหนัก ๆ มีหน่วง ๆ บ้าง

แต่อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่มองว่าเป็นประโยชน์เอามาก ๆ คือ โหมดเล่นเกม ที่จะตัดการรบกวนต่าง ๆ ทำให้สามารถเล่นได้ลื่น โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครโทร.ให้เสียจังหวะ

และด้วยแบตเตอรี่ขนาด 3,225 mAh ทำให้สามารถใช้งานได้นานทั้งวัน และที่สำคัญเครื่องไม่ค่อยร้อน โดยจากการลองใช้งานติดต่อกันประมาณ 2-3 ชั่วโมง ไม่รู้สึกว่าเครื่องร้อน

ในส่วนของการแสดงผลของจอภาพยังไม่เป็นที่น่าพอใจ รู้สึกว่าสีแปลก เนื่องจากความละเอียดของจอภาพอยู่ที่ 1,440 x 720 พิกเซลเท่านั้น แต่ยังชดเชยได้ด้วยขนาดจอขนาด 5.99 นิ้ว และใช้สัดส่วน 18 : 9 ทำให้สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการดูวิดีโอ อ่านหนังสือออนไลน์ ใช้งานโซเชียลมีเดีย และเล่นเกม และทำให้การใช้งาน 2 จอ แสดงผลได้ดีขึ้น เพราะมีพื้นที่จอมากขึ้น และสามารถทำได้ง่ายเพียงลากนิ้ว 3 นิ้วบนจอ ก็จะเข้าสู่โหมด 2 จอ


อย่างไรก็ตาม Vivo V7+ จะมีปัญหาบ้างด้านการดูวิดีโอในโซเชียลมีเดีย เช่น เฟซบุ๊ก ที่จะมีปัญหาการพลิกหน้าจอจากแนวตั้งเป็นแนวนอนที่ไม่ลื่นไหลจะกระตุกเสมอ ขณะที่ถ้าดูผ่านยูทูบจะไม่มีปัญหานี้ และด้วยความที่จอใหญ่ ทำให้การเอื้อมนิ้วไปแตะขอบจอด้านบนสุดทำได้ยาก ดังนั้นการใช้งานด้วยมือเดียวอาจมีปัญหาบ้าง

ส่วนกล้องที่เป็นหนึ่งในจุดขายหลักของ Vivo V7+ ทำได้ดีตามความคาดหมาย เพราะความละเอียดกล้องหน้าที่สูงถึง 24 ล้านพิกเซล เพื่อใช้เน้นในการเซลฟีเป็นหลัก ทั้งมาพร้อมโหมด Face Beauty 7.0 ที่ถ่ายได้เนียนใสโดยไม่ต้องออกไปแต่งเพิ่มในแอปอื่น ๆ ให้ยุ่งยาก และมีโหมด Portrait Mode เพื่อให้ถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอได้ด้วย แต่โดยส่วนตัวมองว่า ยังรู้สึกหลอก ๆ ดูไม่เป็นธรรมชาติ

ส่วนกล้องหลังมีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมโหมด Ultra HD ที่ช่วยให้ภาพมีความละเอียดเพิ่มขึ้นเป็น 64 ล้านพิกเซล ถือว่าทำได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ

นอกจากนี้ระบบป้องกันการสั่นยังทำได้ไม่ดีนัก การถ่ายภาพจึงยังต้องนิ่งพอสมควร และการประมวลผลยังทำได้ช้า ทำให้การถ่ายภาพต่อเนื่องมีข้อจำกัด ส่วนระบบซีเคียวริตี้มีระบบยืนยันด้วยใบหน้า และระบบยืนยันสแกนลายนิ้วมือที่มีตัวสแกนด้านหลังของตัวเครื่อง ก็สามารถปลดล็อกได้รวดเร็วน่าประทับใจมาก แต่ด้วยขนาดเครื่องที่ใหญ่ ทำให้การวางมือในตำแหน่งสแกนทำได้ไม่ค่อยสะดวกนัก

สรุป Vivo V7+ เป็นสมาร์ทโฟนราคาระดับกลางที่สามารถตอบสนองการใช้งานขั้นพื้นฐานได้ดี มีความลื่นไหล โดยเฉพาะการใช้งานในการเล่นโซเชียลมีเดีย และการใช้งานคอนเทนต์แทบทุกประเภท มีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นาน จึงแทบไม่ต้องกังวลกลัวแบตหมด แม้จะเล่นทั้งวัน รวมทั้งกล้องหน้าที่มีความคมชัด เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบการถ่ายเซลฟี แม้จะมีข้อจำกัดด้านความละเอียดหน้าจอที่ไม่ถึง 1,080 พิกเซล จึงยังไม่สามารถแสดงผลได้เต็มที่