อยุธยา เรียกประชุมด่วน รับมือเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำเพิ่ม 1,500 – 1,800 ลบ.ม./วินาที รองผู้ว่าฯเผยสถานการณ์ล่าสุดน้ำล้นตลิ่ง กระทบแล้ว 5 อำเภอ 5,000 ครัวเรือน
วันที่ 20 สิงหาคม 2565 รายงานข่าวจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยาแจ้งว่า มีการเรียกประชุมด่วนเตรียมรับมือมวลน้ำ หลังเขื่อนเจ้าพระยาแจ้งระบายเพิ่มเป็น 1,500-1,800 ลบ.ม./วินาที จะส่งผลให้ระดับน้ำสูงขึ้น 0.40-0.80 เมตร โดยมีการแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อย ให้ยกของขึ้นที่สูงและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
โดยนายวีระชัย นาคมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้มอบหมายให้ นายประทีป การมิตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย นายธนากร ตันติกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา พ.อ.อำนาจ วชิรศักดิ์โสภานะ รองผู้บังคับการ กรมทหารม้าที่ 5 รักษาพระองค์ฯ นางปวีณา ทองสกุลพันธ์ ผู้ช่วยหัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด นายอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม เพื่อหารือเตรียมการรับมือมวลน้ำ หลังจากเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท เร่งระบายน้ำเพิ่มเป็น 1,500-1,800 ลบ.ม.ต่อวินาที
จากที่กรมชลประทาน มีความจำเป็นต้องขอปรับเพิ่มปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม 2565 ในอัตรา 1,400-1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนเพิ่มสูงขึ้น มีผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ ประกอบด้วย คลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา ตำบลลาดชิด ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (แม่น้ำน้อย) ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชน ระดับน้ำบริเวณพื้นที่จะเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบัน 0.20 เมตร ในช่วงวันที่ 20-23 สิงหาคม 2565
ในช่วงวันที่ 23-25 สิงหาคม 2566 จะปรับการระบายน้ำเพิ่มอีก โดยมีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเป็น 1,500-1,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีก 0.40-0.80 เมตร ในช่วงวันที่ 24-26 สิงหาคม 2565
โดยจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ประชุมด่วน เพื่อเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์รับมวลน้ำดังกล่าวเพื่อลดความเสี่ยง และบูรณาการมาตรการ แนวทาง แผนงาน ในการปฏิบัติ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกัน และช่วยเหลือพี่น้องประชาชน
จากนั้นคณะได้ลงพื้นที่วัดไชยวัฒนาราม วัดธรรมาราม และพระตำหนักสิริยาลัย ซึ่งเป็นโบราณสถานและพระราชฐานสำคัญของจังหวัด ในการเตรียมความพร้อมรับมวลน้ำดังกล่าวด้วย
ด้าน นายประทีป การมิตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า วันนี้ได้เชิญทุกภาคส่วน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุมปรึกษาหารือและรายงานสถานการณ์น้ำในแต่ละพื้นที่เพื่อเตรียมความพร้อมในการที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่
สำหรับภาพรวมของจังหวัดได้รับผลกระทบจากน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วม 5 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอเสนา บางไทร บางบาล บางปะหัน และอำเภอผักไห่ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ซึ่ง ณ ตอนนี้ได้รับผลกระทบ 5,000 กว่าครัวเรือน ซึ่งการเตรียมการในส่วนของท้องถิ่น ในเตรียมเครื่องไม้เครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้พี่น้องประชาชนได้รับผลกระทบมากและสามารถช่วยเหลือพี่น้องได้อย่างทันท่วงที โดยได้แจ้งเตือนพี่น้องประชาชนที่อยู่ในย่านธุรกิจริมน้ำให้ยกของขึ้นที่สูง
ในส่วนของส่วนราชการในพื้นที่ เมื่อได้รับแจ้งจากพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบให้ลงพื้นที่ไปดูแล ให้กำลังใจทันที และสำรวจข้อมูลให้ชัดเจนตรงตามข้อเท็จจริง เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปได้อย่างทันท่วงที และยังได้รับการสนับสนุนจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น ปภ. และชลประทาน ในการสนับสนุนเครื่องสูบน้ำในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่เกษตรกรรมเพื่อป้องกันการเสียหาย
ที่สำคัญที่สุดคือเขตพระราชฐาน โดยได้รับการสนับสนุนจากทหารที่มาช่วยดูแลในการยกพนังกั้นน้ำและกรอกกระสอบทรายในการป้องกันไม่เกิดความเสียหาย เพราะฉะนั้น จังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้เตรียมความพร้อมที่จะดูแลช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่