ไต่ดอย “อินทนนท์” ในหนาวแรก สัมผัส “ผาดอกเสี้ยว” สวย ดิบ ท้าทาย

ยอดความสูง 2,565 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลของดอยอินทนนท์ ยังคงทำหน้าที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวขึ้นไปสัมผัสอากาศเย็นสุดขั้วบนยอดเขาสูงที่สุดของไทย

ปลายฝน ต้นหนาว ณ เดือนตุลาคม อุณหภูมิที่ลดลง 10 องศาในช่วงเช้า ทำให้ยอดดอยแห่งนี้คึกคักด้วยมหาชน

สถานที่พักหลายแห่งเริ่มเต็มและมีการจองล่วงหน้า ทั้งกางเต็นท์และบ้านพัก

โดยเฉพาะที่พักของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ได้จัดสถานที่รองรับ 3 โซน ได้แก่ โซน 1 ที่พักลานกางเต็นท์บริเวณโซนดงสน โซน 2 ที่พักบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติ และโซน 3 ที่พักบริเวณน้ำตกแม่ปาน-ห้วยทรายเหลือง ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม

การวางแผนท่องเที่ยวสามารถท่องเที่ยวได้ภายในวันเดียว (one day trip) สำหรับคนมีเวลาน้อย หรือพัก 2-3 วัน เพื่อซึมซับมนต์เสน่ห์ของยอดดอย

หากไล่เรียงสถานที่ท่องเที่ยวระหว่างทางและจุดท่องเที่ยวเฉพาะ สามารถแบ่งได้เป็น น้ำตก (น้ำตกแม่ยะ น้ำตกวชิรธาร น้ำตกสิริภูมิ น้ำตกแม่กลาง) สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีเส้นทางเดินป่าและจุดท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ได้แก่ พระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา และกิ่วแม่ปาน เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและมองเห็นทะเลหมอกที่สวยงาม

อีกหนึ่งสีสันของยอดดอยอินทนนท์ที่สะดุดตา คือ ต้น “เมเปิล” ภายในสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์จะออกใบสีแดงสวยงาม นอกจากนี้ยังมีไฮไลต์เด่นน่าสนใจและห้ามพลาดสำหรับนักท่องเที่ยวที่สามารถเดินป่า ไต่ดอย ในแบบ nature trail นั่นคือ เส้นทางศึกษาธรรมชาติ “ผาดอกเสี้ยว” สามารถเดินเรียบน้ำตกทะลุไปยังหมู่บ้านแม่กลางหลวง เพื่อชมเวิ้งนาขั้นบันไดพาโนรามาได้อย่างเต็มตา ใช้ระยะเวลาเดินราว 2-3 ชั่วโมง ในระยะทาง 3 กิโลเมตร

นายกริชสยาม คงสตรี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เส้นทางศึกษาธรรมชาติ “ผาดอกเสี้ยว” เป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวไฮไลต์ของดอยอินทนนท์ ตั้งอยู่บ้านแม่กลางหลวง ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ มีระบบนิเวศสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่ง ปัจจุบันพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบ “nature trail” ต้องเดินเท้าเข้าไปเท่านั้น ตลอดเส้นทางมีธรรมชาติสวยงาม ทั้งป่าสน ดอกเสี้ยว น้ำตก สวนดอกไม้เมืองหนาว สวนสตรอว์เบอรี่ และทุ่งนาขั้นบันได

สำหรับการเดินทางเข้าไปในเส้นทางผาดอกเสี้ยว จะมีมัคคุเทศก์ท้องถิ่นชนเผ่าปกากะญอผู้เชี่ยวชาญเส้นทางเดินป่าเป็นผู้นำทาง โดยทางอุทยานส่งเสริมให้ชาวบ้านมีรายได้จากการทำอาชีพมัคคุเทศก์ท้องถิ่น เพื่อให้ชุมชนเกิดการอนุรักษ์ หวงแหนแหล่งท่องเที่ยวและรักษาทรัพยากรธรรมชาติไว้ได้อย่างยั่งยืน

“โต” มัคคุเทศก์หนุ่มชาวปกากะญอ บอกว่า จุดเด่นของผาดอกเสี้ยว คือ ธรรมชาติที่บริสุทธิ์ มีเป็นน้ำตกขนาดใหญ่และงดงาม น้ำตกแห่งนี้เคยมีชื่อเสียงมากจากภาพยนตร์เรื่อง “รักจัง” ที่มาถ่ายทำ ทำให้นักท่องเที่ยวเริ่มรู้จักมากขึ้น ในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ส่วนที่มาของชื่อ “น้ำตกผาดอกเสี้ยว” มาจากชื่อ “ต้นเสี้ยวดอกขาว” ที่ขึ้นอยู่ในป่าใกล้ ๆ น้ำตก ออกดอกสีขาวในช่วงฤดูหนาว

“โต” เล่าว่า เรียนจบ ปวช. แต่ไม่ได้เรียนต่อ เพราะอยากทำงานช่วยเหลือครอบครัว และเลือกทำงานในชุมชน ไม่ต้องอยู่ห่างพ่อแม่พี่น้อง โดยสมัครเป็นมัคคุเทศก์ท้องถิ่น ผ่านการอบรมจากอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ปัจจุบันชาวบ้านมีการรวมตัวกันจัดตั้งกลุ่มมัคคุเทศก์ท้องถิ่น นำเที่ยวเส้นทางศึกษาธรรมชาติผาดอกเสี้ยว แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของชุมชน เป็นอาชีพที่มีรายได้พอเพียง และทุกคนทำด้วยความสุข

สำหรับการ treking ในเส้นทางระดับซูเปอร์เทรล “ผาดอกเสี้ยว” ในระยะทาง 3 กิโลเมตร ตลอดเส้นทางจะสัมผัสกับน้ำตกในหลายระดับ ดิบ สวย ท้าทาย ซึ่งระยะการเดินเท้านับเป็นความท้าทายกับระดับความชันที่ต้องใช้พลังขามากพอสมควร ระหว่างทางนอกจากได้ใกล้ชิดธรรมชาติแบบสุด ๆ และได้ชมความสวยงามของน้ำตกผาดอกเสี้ยวแล้ว ยังได้ศึกษาธรรมชาติสองข้างทาง เพลิดเพลินกับ “นาขั้นบันได” ในหุบเขา รวมถึงวิถีชีวิตชาวปกากะญอ ซึ่งเลื่องชื่อในการอนุรักษ์ป่าอีกด้วย

การเดินทางในเส้นทางนี้จำเป็นต้องทำตามกฎระเบียบ คือต้องมีไกด์ท้องถิ่นเดินทางด้วยทุกครั้ง ไกด์ 1 คนสามารถดูแลกรุ๊ปได้ไม่เกิน 10 คน มีค่าไกด์นำทางเพียง 220 บาท ห้ามเดินออกนอกเส้นทาง ห้ามส่งเสียงดัง เป็นต้น

การเดินเท้าในช่วง 1 กิโลเมตรแรก แวดล้อมด้วยป่าโปรง ป่าสน มีทั้งทางเดินธรรมดาและทางบันได เสียงน้ำตกผาดอกเสี้ยวดังทักทายว่าใกล้ถึงจุดไฮไลต์แรกที่มีความสูง 20 เมตร จากนั้นไกด์ท้องถิ่นจะนำนักท่องเที่ยวเดินเลียบลำธารและน้ำตกไปจนข้ามสะพานไม้ไผ่ ลัดเลาะไปตามเส้นทางธรรมชาติสวยงาม มีทางชันขึ้น-ลงสลับกันตลอดเส้นทาง ช่วงครึ่งทางหลังจะได้เห็นบรรยากาศทุ่งนาขั้นบันไดกลางหุบเขา และผ่านลำธารสายเล็ก ๆ จากนั้นเดินทางถึงหมู่บ้านแม่กลางหลวง สัมผัสวิถีชีวิตของชาวปกากะญอ ที่เตรียมกาแฟอราบิก้าแบบดั้งเดิมที่ปลูกแบบธรรมชาติ มาต้อนรับนักท่องเที่ยว สามารถนั่งพักเหนื่อย จิบกาแฟหอมกรุ่น หรือจะซื้อเมล็ดและกาแฟบดไปดื่มที่บ้านก็ได้ จิบกาแฟแล้ว เดินเล่นเพลิน ๆ ชมทุ่งนาขั้นบันไดในเขตพื้นราบ เป็นทุ่งนาผืนใหญ่ที่ต้นข้าวกำลังออกรวงใจกลางหมู่บ้านแม่กลางหลวง เป็นวิถีชีวิตเรียบง่ายท่ามกลางธรรมชาติ ที่เป็นแรงดึงดูดให้ใครต่อใครดั้นด้นมาค้นหาความสุข

หากใครมีเวลาไม่มาก ช่วงก่อนขึ้นดอยอินทนนท์ หรือขากลับสามารถแวะวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร กราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของ อ.จอมทอง เพื่อเป็นสิริมงคลได้

“อินทนนท์” ในฤดูหนาวนี้รอให้หลายคนมาสัมผัสความเย็นยะเยือก และต้องปักหมุดกับการขึ้นไปสำรวจแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายตามไลฟ์สไตล์ที่เลือกได้ โดยเฉพาะในความสวย ดิบ ท้าทาย ของ “ผาดอกเสี้ยว” เป็นไฮไลต์ที่บอกเลยว่า ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง