4 จังหวัดใต้ระส่ำคุมเคลื่อนย้ายหมู สมาคมผู้เลี้ยงถกผู้ว่าฯ สงขลาแก้วัตถุดิบขาด

หมู
RONALDO SCHEMIDT / AFP

สมาคมการค้าผู้เลี้ยงสุกรภาคใต้ร่อนหนังสือด่วนขอหารือ “ผู้ว่าฯสงขลา” หลังผู้บริโภคขาดแคลนหมูบริโภค เหตุปศุสัตว์ประกาศเขตเฝ้าระวังโรคระบาด PRRS คุมเข้มการเคลื่อนย้ายสุกรข้ามเขตจังหวัด

โดยเฉพาะ 4 จังหวัด “พัทลุง-นครศรีธรรมราช-สุราษฎร์ธานี-ภูเก็ต” บังคับต้องมีใบอนุญาตเคลื่อนย้าย พร้อมแนบผลตรวจเลือด ต้องนำเข้าโรงฆ่าสัตว์มาตรฐาน เผยผู้เลี้ยงสุกรพัทลุงรายใหญ่ไม่สามารถกระจายไปขายได้

นายปรีชา กิจถาวร นายกสมาคมการค้าผู้เลี้ยงสุกรภาคใต้ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 ทางสมาคมการค้าผู้เลี้ยงสุกรภาคใต้ได้ทำหนังสือถึงนายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ขอเข้าพบเพื่อหารือถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาสุกรขาดแคลนใน จ.สงขลา

ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีการบริโภครายใหญ่ โดยช่วงภาวะปกติที่เศรษฐกิจดีมีการบริโภคไม่ต่ำกว่า 1,000 ตัวต่อวัน

แม้ปัจจุบันมีสถานการณ์โควิด-19 ประกอบกับยังไม่เปิดประเทศ แต่ภาพรวมการบริโภคสุกรภายใน จ.สงขลาถือว่ายังขาดแคลน โดยมีสุกรจำหน่ายอยู่ประมาณ 500-600 ตัวต่อวัน

Advertisment

สืบเนื่องจากเกิดการระบาดของโรค PRRS ซึ่งถือเป็นโรคระบาดตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 ขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ ตั้งแต่จังหวัดพัทลุง นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี

และภูเก็ต ทำให้จังหวัดเหล่านั้นถูกกำหนดให้เป็นเขตพื้นที่เฝ้าระวังโรคระบาด PRRS ในที่สุด ซึ่งการกำหนดให้เป็นเขตเฝ้าระวังจะส่งผลให้การเคลื่อนย้ายสุกรข้ามเขตจังหวัดเป็นไปได้ยากขึ้น

โดยในการเคลื่อนย้ายสุกรแต่ละครั้งนอกจากใบอนุญาตเคลื่อนย้ายสัตว์ที่เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ออกให้แล้ว ยังต้องแนบผลการตรวจเลือดสุกร และในการเคลื่อนย้ายจะต้องย้ายเข้าโรงฆ่าสัตว์ที่ได้มาตรฐานเท่านั้น จังหวัดปลายทางจึงสามารถตอบรับการเคลื่อนย้ายได้

นายปรีชากล่าวต่อไปว่า จังหวัดพัทลุงเป็นจังหวัดที่มีการเลี้ยงสุกรมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของภาคใต้ และเป็นอันดับ 4 ของประเทศ โดยมีพื้นที่ส่งออกสุกรไปยังจังหวัดต่าง ๆ ในเขตภาคใต้ตอนล่างไปจดถึงจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยเฉพาะจังหวัดสงขลาเป็นอันดับต้น ๆ แต่การส่งออกยังไม่พอต่อความต้องการของตลาด

Advertisment

การออกมาตรการให้เคลื่อนย้ายเข้าโรงฆ่าสุกรที่ได้มาตรฐานจากกรมปศุสัตว์เท่านั้น ทำให้การส่งสุกรเข้าจังหวัดสงขลาไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด เนื่องจากจังหวัดสงขลามีโรงฆ่าสุกรไม่เพียงพอ

เพราะมีเพียงโรงฆ่าสัตว์เทศบาลเมืองควนเนียง อ.ควนเนียง จ.สงขลา เพียงแห่งเดียวที่ได้มาตรฐานจากกรมปศุสัตว์เท่านั้น ส่งผลให้พ่อค้าสุกรต้องการสุกรในตลาด ไม่มีเนื้อสุกรไปวางจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภคในจังหวัดสงขลา

“ผู้เลี้ยงสุกรจังหวัดพัทลุงกับพ่อค้าเขียงหมูจังหวัดสงขลาจะเป็นคู่ค้ากัน ขณะนี้ต่างประสบปัญหาไม่แตกต่างกัน แต่ผู้ที่ประสบปัญหามากกว่า คือผู้เลี้ยงสุกรรายย่อย รายกลาง

โดยภาพรวมมีประมาณ 6,000 ราย แต่ฟาร์มบริษัทขนาดใหญ่ไม่พบอุปสรรคแต่อย่างใด ทั้งนี้ มาตรการห้ามเคลื่อนย้ายสุกร ผลกระทบไปตกหนักที่ผู้เลี้ยงรายย่อย รายเล็ก รายขนาดกลาง ต่างมีสุกรที่ต้องออกขาย

และต้องแบกภาระค่าอาหารในการเลี้ยงประมาณวันละ 30 บาทต่อตัว หากเลี้ยง 27 ตัว ค่าอาหารประมาณ 800 กว่าบาทต่อวัน และยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีกหลายประการ”

นายปรีชากล่าวต่อไปว่า ในการเข้าพบนายจารุวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เพื่อหารือถึงแนวทางว่าจังหวัดสงขลาจะมีแนวทางอย่างไร โดยเฉพาะผู้เลี้ยงสุกรนั้นมีความรอบคอบเข้มข้นในการเลี้ยงสุกรอยู่แล้ว

ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้เลี้ยงรายย่อย รายเล็ก รายขนาดกลางอยู่ได้ ในขณะเดียวกัน ก็มีความเข้าใจกรมปศุสัตว์จำเป็นในการควบคุมเข้มข้นเกี่ยวกับโรคระบาด หากเกิดขึ้นก็จะสร้างความเสียหายอย่างมหาศาล

“ทำอย่างไรจึงให้กรมปศุสัตว์กับเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรเดินไปด้วยกันได้ คือ ควบคุมโรคระบาดได้ และก็ขายสุกรได้ เพื่อให้ภาพรวมเศรษฐกิจเดินไปได้ จะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ไม่ได้”

นายปรีชากล่าวอีกว่า จังหวัดพัทลุงมีผู้เลี้ยงสุกรทั้งระดับบริษัทขนาดใหญ่ เกษตรกรรายกลาง รายเล็ก และรายย่อย มีประมาณ 6,000 ราย มีเกษตรกรผู้เลี้ยงกว่า 10,000 คน มีสุกรภาพรวมประมาณ 480,000 ตัว

โดยเฉลี่ยตัวละประมาณ 8,000 บาท ภาพรวมมีเม็ดเงินหมุนเวียนประมาณมูลค่ากว่า 3,800 ล้านบาทต่อปี ซึ่งขณะนี้ได้รับผลกระทบที่หนักมาประมาณครึ่งเดือนมาแล้ว และหากสถานการณ์ยังอยู่ในระดับนี้จะกระทบหนักยิ่งขึ้น

อนึ่ง ก่อนหน้านี้สำนักงานปศุสัตว์บางแก้ว จังหวัดพัทลุง ออกหนังสือประกาศเฝ้าระวังโรคพีอาร์อาร์เอส (PRRS) หลังพบสุกรป่วย ตาย ตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม 2564

โดยได้ออกหนังสือเตือนเกษตรกรระบุว่า กำหนดเขตโรคระบาดชั่วคราวโรคพีอาร์อาร์เอสด้วยปรากฏว่าในท้องที่บ้านทวดทอง หมู่ที่ 12 ตำบลโคกสัก อำเภอบางแก้ว จังหวัดพัทลุง พบสัตว์ชนิดสุกร ป่วยหรือตายด้วยโรคระบาดสัตว์ (ชนิด) PRRS

ซึ่งเป็นโรคระบาดตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 โดยมีแนวโน้มที่จะแพร่ระบาดออกไปยังท้องที่ข้างเคียง หรือระบาดเข้ามาในท้องที่ได้จากการเคลื่อนย้ายสัตว์ หรือซากสัตว์ ที่เป็นโรคระบาด หรือพาหะของโรคระบาดจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ให้ท้องที่บ้านทวดทอง หมู่ที่ 12 ตำบลโคกสัก อำเภอบางแก้ว จังหวัดพัทลุงเป็นเขตโรคระบาดชั่วคราวโรค PRRS

ข้อ 2 ห้ามมิให้ผู้ใดเคลื่อนย้ายสัตว์ชนิดสุกรและหมูป่า หรือซากของสัตว์ดังกล่าว เข้า ออก ผ่าน หรือภายในเขตโรคระบาดชั่วคราว เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากสัตวแพทย์ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบประจำเขตนั้นทุกครั้งที่มีการเคลื่อนย้าย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม 2564

ทั้งนี้หากผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 22 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 65 แห่งพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558