เรือนจำกลางเชียงใหม่ ประกาศ ไม่เผยรายชื่อ-ข้อมูล ผู้ต้องขังติดโควิด

เรือนจำเชียงใหม่ไม่แจ้งชื่อผู้ต้องขังติดโควิด

รัฐมนตรียุติธรรม ออกมาตรการให้เรือนจำแจ้งรายชื่อผู้ติดเชื้อโควิด ปรับปรุงเป็นรายวัน เพื่อให้ญาติผู้ต้องขังตรวจสอบได้ ขณะที่เรือนจำกลางเชียงใหม่ ประกาศ ไม่เผยรายชื่อ-ข้อมูลผู้ต้องขังติดโควิด ให้เหตุผลว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคล ที่มีกฎหมายปกป้องคุ้มครอง

วันที่ 17 พฤษภาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานกรณี ผู้ต้องขังในเรือนจำกลางจังหวัดเชียงใหม่ ติดเชื้อโควิดทั้งหมด 3,793 คน จากทั้งหมด 6,311 คน โดยหลังจากนี้ทางเรือนจำจะเร่งควบคุมการระบาด ผ่านมาตรการ “บับเบิ้ล แอนด์ ซีล” (Bubble and Seal) หรือการจำกัดคนเข้า-ออก เป็นเวลา 28 วัน และเร่งสร้างโรงพยาบาลสนามภายในเรือนจำในแดน 6 ให้มีมาตรฐาน โดยมีทีมแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด เรือนจำกลางเชียงใหม่ ประกาศผ่านเพจเฟซบุ๊กว่า เรือนจำกลางเชียงใหม่ ขอแจ้งเพื่อทราบ กรณีรายชื่อผู้ต้องขังที่ติดเชื้อโควิด-19 การเปิดเผยข้อมูลผู้ต้องขังที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (COVID-19) ถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพหรืออื่นใด โดยพื้นฐานแล้วมีกฎหมายปกป้องคุ้มครอง โดยข้อมูลส่วนบุคคลด้านสุขภาพตาม มาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550 ระบุไว้ชัดเจนว่า

ข้อมูลส่วนบุคคลไม่สามารถนำไปเปิดเผยเพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลนั้นได้ เว้นแต่เจ้าตัวประสงค์ให้เปิดเผย หรือมีกฎหมายเฉพาะบางอย่าง ซึ่งขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขประกาศให้ COVID-19 เป็นโรคติดต่ออันตรายตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 กฎหมายดังกล่าวกำหนดให้ต้องเปิดเผยข้อมูลด้านสุขภาพของบุคคล แต่ต้องทำเท่าที่จำเป็นและจำเพาะเจาะจงว่าเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม #พวกเราจะดูแลบุตรหลานของท่านดุจญาติมิตร #เรือนจำกลางเชียงใหม่

โดยหลังโพสต์ข้อความดังกล่าว มีประชาชนเข้ามาแสดงความเห็นว่า หากไม่เปิดเผยรายชื่อผู้ต้องขังที่ติดเชื้อโควิดต่อสาธารณะ อย่างน้อยทางเรือนจำควรแจ้งญาติผู้ต้องขังเป็นรายบุคคล ญาติจะได้รับรู้และอุ่นใจ ไม่ใช่ไม่ได้ข่าวคราวอะไรเลย ส่วนญาติผู้ต้องขังหลายคนพยายามสอบถามเรื่องช่องทางการติดต่อผู้ต้องขัง เนื่องจากไม่สามารถโทรติดต่อตามเบอร์ที่เรือนจำให้ไว้ได้

ภาพจากเฟซบุ๊ก ประชาสัมพันธ์ กรมราชทัณฑ์

ขณะที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า วันนี้โควิด-19 เข้าไปอยู่ในเรือนจำมากมาย ทั้งกทม.และต่างจังหวัด รวมตัวเลขแล้วผู้ต้องขังติดเชื้อ 10,384 คน ในขณะนี้ที่รวบรวมได้ เจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาลทำงานอย่างหนักและต้องทำต่อไป เจ้าหน้าที่ทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจอย่างเต็มที่ อะไรที่หย่อนยานต้องเร่งปรับปรุง

นายสมศักดิ์ยังเปิดเผยถึงมาตรการ 10 ข้อ ที่จะนำมาใช้ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ให้ผู้บัญชาการเรือนจำทุกคน ทำรายชื่อผู้ติดเชื้อ และปรับปรุงเป็นรายวัน เพื่อให้ญาติผู้ต้องขังทุกคนสามารถเข้ามาตรวจสอบได้ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ตั้งแต่ 8.00 น.-18.00 น. ส่วนข้อที่เหลือมีดังนี้

1.ให้แถลงจำนวนผู้ต้องขัง ที่ได้ตรวจเชิงรุกไปแล้วมีจำนวนเท่าไร 2.ตรวจเชิงรุกให้ครบทุกเรือนจำ ทั้งผู้ต้องขัง เจ้าหน้าที่เรือนจำและเจ้าหน้าที่ส่วนกลางทุกคน รวมทั้งผู้บริหารระดับสูง ของกรมราชทัณฑ์ทุกคน 55,000 คน 3.ในส่วนของที่มาของเชื้อให้เร่งสืบข้อเท็จจริงและสาเหตุการติดเชื้อครั้งนี้ และถ้าได้ความแน่ชัดจะแจ้งให้ทราบโดยไม่ปิดบังใด ๆ ทั้งสิ้น

4.การรักษาและการเฝ้าดูอาการคนไข้จะทำตลอดเวลาไม่มีวันหยุด ทุกคนจะต้องทำงานแข่งกับเวลา 5.ประสานงานกับกระทรวงสาธารณะสุข เพื่อหาวิธีการรักษาที่เร็วและได้ผลดีที่สุด โดยใช้ยาฟาราพิราเวียร์ รวมทั้งการใช้สมุนไพรไทย เช่น ฟ้าทะลายโจร เข้าช่วยรักษาในขณะที่รอดูอาการโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนในระดับสีเขียวที่ติดเชื้อแต่ยังไม่มีอาการ และคนระดับสีเหลืองที่กำลังเริ่มมีอาการ

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า 6.ผู้ต้องขังเป็นประชาชนคนไทย ที่ต้องอยู่ในเรือนจำไปไหนไม่ได้ 100% การอยู่ในที่ถูกล้อมเอาไว้ ขยับขยายไปไหนไม่ได้เป็น อุปสรรคอย่างมหาศาลในการแก้ไข้ปัญหา ประกอบกับห้องนอนนั้นมีผู้ต้องขังอยู่กันอย่างแออัด 7. มีความจำเป็นที่ต้องเอาผู้ต้องขังและผู้คุม ที่ไม่ติดเชื้อในทุกเรือนจำ จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนอย่างเร่งด่วน

8.จะมีการติดประกาศหน้าเรือนจำทุกแห่งในประเทศไทย เพื่อแจ้งให้ ทราบว่ามีผู้ต้องขังติดเชื้อกี่คนและไม่ติดเชื้อกี่คน หายแล้วกี่คน จะมีการแจ้งเช่นนี้เป็นระยะ ๆ อย่างน้อยที่สุดสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และจะปรับตัวเลขทุกวัน เพื่อให้ประชาชนในแต่ละชุมชนได้รับทราบ 9.ผู้บัญชาการเรือนจำทุกคน จะทำรายชื่อผู้ติดเชื้อ และปรับปรุงเป็นรายวันเพื่อให้ญาติผู้ต้องขังทุกคนสามารถเข้ามาตรวจสอบได้ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ตั้งแต่ 8.00 น.-18.00 น.

รมว.ยุติธรรม กล่าวอีกว่า 10.กระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ จะรีบเร่งวางแผน เตรียมตัวรับการระบาดครั้งนี้ และครั้งหน้าที่จะมีมาได้ทุกเมื่อ โดยจะรีบเร่งประชุมพิจารณาในเรื่องของบุคลากรที่ต้องเพิ่ม