มาม่า ผนึก เลย์ เปิดตัวรสใหม่ปลุกตลาด

เลย์-มาม่า

คนไทยกระเป๋าแฟบ หนุนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 1.8 ล้าน ขายดี 6 เดือนโต 6% “มาม่า” เจ้าตลาด เปิดเกมบุก จับมือ “เลย์” เปิดตัวสินค้า 2 รสชาติ ทุ่มงบฯ 40 ล้าน ปลุกตลาด ขยายฐานคนรุ่นใหม่ พร้อมกระตุ้นตลาดบะหมี่และขนมขบเคี้ยวโตต่อเนื่อง

นายเพชร พะเนียงเวทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมูลค่า 18,000 ล้าน ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาเติบโต 6% ปัจจัยจากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ไม่ค่อยดีนัก ทำให้ผู้บริโภคประหยัดค่าใช้จ่าย และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็เป็นสินค้าที่สามารถเข้าถึงง่าย

สำหรับสินค้าของบริษัท โดยเฉพาะ “มาม่า โอเค” ช่วง 6 เดือนแรกของปี มียอดขายที่เติบโตมากกว่าภาพรวมของตลาด โดยสามารถเติบโตได้ 30% และประเมินว่าในช่วงครึ่งปีหลังอัตราการเติบโตคงไม่ทิ้งห่างไปกว่านี้

สำหรับแนวทางการดำเนินงานของบริษัท หลังจากที่มาม่าครบรอบครบ 50 ปี ซึ่งได้เดินหน้าตามกลยุทธ์หลัก คือ ก้าวสู่ฟู้ดอินโนเวชั่นเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะมาม่า โอเค ที่เคยประสบความสำเร็จกับรสผัดไข่เค็มอย่างมาก จากนี้ไปบริษัทต้องการผลักดันให้มาม่า โอเค ขยายเข้าสู่กลุ่มแมสมากขึ้น จากเดิมที่ลูกค้าเป็นกลุ่มอายุ 15-25 ปี จากปัจจุบัน มาม่า โอเค มี 7 รสชาติ

ดังนั้น เพื่อสร้างปรากฏการณ์และความแปลกใหม่อีกครั้ง ล่าสุดบริษัทได้จับมือกับผลิตภัณฑ์มันฝรั่งแผ่นทอด เลย์ ของบริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด คิดค้นและพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์มาม่า โอเค และเลย์ 2 รสชาติใหม่ คือ รสชิลลี่แครบ และรสมิโซะบัตเตอร์

โดยมาม่า โอเค ราคาซองละ 15 บาท ขณะที่เลย์ราคาเริ่มต้น 10-20 บาท (ขึ้นอยู่กับปริมาณ) เริ่มวางจำหน่ายให้ร้านสะดวกซื้อ เบื้องต้นวางจำหน่ายประมาณ 6 เดือน คาดว่าจะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี

โดยความร่วมมือดังกล่าว เริ่มต้นจากฝั่ง R&D ได้วิเคราะห์สภาพตลาดปัจจุบันพบว่า วัยรุ่นที่เดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น ซึ่งเมนูราเมงมิโซะบัตเตอร์ได้รับความนิยมสูง ประกอบกับสิงคโปร์จะมีร้านจัมโบ้ชื่อดังและมีเมนูจานหลักก็คือ ชิลลี่แครบ ที่ได้รับความนิยมมาก จึงนำมาปรับสูตรให้สอดรับกับความต้องการของลูกค้าคนไทย เน้นโฟกัสเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่เป็นหลัก

โดยการพัฒนารสชาติใหม่ ๆ ให้หลากหลาย จะสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคและช่วยสร้างสีสันให้กับตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และมันฝรั่งแผ่นทอด ขณะเดียวกันก็จะทำให้ทั้ง 2 แบรนด์ มีกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกันก็มีแผนจะเร่งทำตลาด โดยวางงบประมาณไว้ที่ 30-40 ล้านบาท และเตรียมจะออนแอร์ภาพยนตร์โฆษณาผ่านแคมเปญ “จอยรสชาติอร่อยข้ามจักรวาล” เน้นสื่อสารผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ อาทิ อินสตาแกรม, ทวิตเตอร์, ติ๊กต๊อก และยูทูบ

ซึ่งตลอดปี 2564 ที่ผ่านมา บริษัทได้เน้นทำการตลาดผลิตภัณฑ์ มาม่าโอเค ค่อนข้างมาก รวมถึงมีการปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้ดูทันสมัยและวัยรุ่นมากขึ้น และสามารถขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 ทุกครั้งที่มีการไลฟ์ผ่านสื่อออนไลน์ และการจับมือกับเลย์ครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่มาม่าจับมือกับพันธมิตรเพื่อทำการตลาดร่วมกัน และในอนาคตอาจจะมีการร่วมมือในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก

ด้านนางสาวพรรณทิพา พงศ์ชัยฤกษ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ผลิตภัณฑ์เลย์ บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวต่อว่า สำหรับกลยุทธ์ของผลิตภัณฑ์เลย์ ให้ความสำคัญกับการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ อยู่เป็นระยะ

โดยปี 2565 เตรียมลอนช์อีกหลายรสชาติ พร้อมจับมือกับพันธมิตรธุรกิจใหม่ ๆ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นกลุ่มอาหารเท่านั้นอาจจะไปอยู่ในแพลตฟอร์ม เช่น เน็ตฟลิกซ์เป็นต้น อย่างการร่วมมือกับมาม่าก็เป็นโอกาสช่วยขยายฐานลูกค้าเจนใหม่ ๆ และช่วยผลักดันตลาดให้มีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบันตลาดขนมขบเคี้ยวมูลค่า 37,000 ล้าน เติบโตขึ้น 4.1% โดยแบ่งสัดส่วนเป็นมันฝรั่งทอดกรอบ 40% ขณะนี้เริ่มมองเห็นสัญญาณบวก จากปัจจัยที่ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตและร่วมกิจกรรมตามปกติ และนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา ประกอบกับภาครัฐเตรียมสานต่อนโยบายคนละครึ่ง ก็มีส่วนช่วยกระตุ้นยอดขายได้ และการร่วมมือกันกับมาม่าครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นตลาดขนมขบเคี้ยวให้เติบโตเพิ่มขึ้นได้