เครื่องอบผ้าขึ้นแท่นสินค้ามาแรงตัวใหม่ หลังโควิด-PM2.5-ฝนชุกหนุนดีมานด์พุ่ง ตลาดโตต่อเนื่อง 2 ปีติด เครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ยุโรป เกาหลี ญี่ปุ่น พร้อมใจตบเท้าบุก กระหน่ำโปรโมชั่นแรง ทั้งลดทั้งแถมหวังจูงใจ พร้อมชูจุดขายฟังก์ชั่นฆ่าเชื้อตอบโจทย์สุขภาพ
“อีเลคโทรลักซ์” เจ้าตลาดประกาศเดินหน้าขยายไลน์อัพ พร้อมจัดหนักซื้อเครื่องซักผ้าแถมเครื่องอบ มั่นใจตลาดมีศักยภาพเหลือล้นยังโตได้อีกนานหลายปี ด้าน “ซัมซุง” ให้ส่วนลดมากถึง 4,000 บาท ผ่อน 0% นาน 15 เดือน ส่วน “แอลจี” จัดโปรฯคู่เครื่องอบ-ซักผ้า-ตู้ถนอมผ้า
ในอดีตที่ผ่านมา “เครื่องอบผ้า” อาจจะดูเป็นสินค้านอกสายตาสำหรับครัวเรือนไทย แต่หลังการระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้น และทำให้คนหันมาใส่ใจในเรื่องสุขภาพมากขึ้น กลายเป็นตัวแปรที่ทำให้สินค้าตัวนี้ได้พลิกกลับมาเป็นหนึ่งในสินค้าที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยดีมานด์จากทั้งผู้อาศัยในบ้านเดี่ยวและคอนโดฯ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เป็นแรงหนุนที่ทำให้ตัวเลขยอดขายเครื่องอบผ้าเริ่มมีทิศทางที่เพิ่มขึ้น และมีจำนวนผู้เล่นในตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมที่มีผู้ที่ทำตลาดอยู่เพียงไม่กี่ราย
เครื่องอบผ้า สินค้าดาวรุ่ง
นายรัชตะ สุทธาพัฒน์ธานนท์ ผู้จัดการทั่วไป ประจำประเทศไทย และอินเตอร์เนชั่นแนล มาร์เก็ต บริษัทอีเลคโทรลักซ์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ดีมานด์เครื่องอบผ้าเริ่มพุ่งสูงขึ้นอย่างชัดเจนตั้งแต่ 2563 เป็นต้นมา สะท้อนจากยอดขายของบริษัทที่เพิ่มขึ้นระดับเท่าตัวต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้สัดส่วนยอดขายเครื่องอบผ้าต่อเครื่องซักผ้าขยับจาก 1 ต่อ 5 เครื่อง เป็น 1 ต่อ 3 เครื่อง และในปี 2565 นี้มีแนวโน้มจะเติบโตเท่าตัวด้วยเช่นกัน
แม้อัตราเติบโตนี้จะสูง เพราะฐานยอดขายเดิมค่อนข้างต่ำ แต่นับเป็นการเติบโตต่อเนื่องที่สูงกว่าในอดีตมากและไม่เคยมีมาก่อน
นอกจากนี้ ล่าสุดเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายค่ายเริ่มมีความเคลื่อนไหวในการทยอยนำเครื่องอบผ้าเข้ามาทำตลาดนี้มาก เช่น แบรนด์จากเกาหลี แต่การแข่งขันยังไม่ดุเดือด เนื่องจากตลาดนี้ถือว่าอยู่ในระยะเริ่มต้นและจำนวนครัวเรือนที่มีเครื่องอบผ้ายังน้อย จึงมีช่องให้แต่ละแบรนด์โตได้โดยไม่ต้องแข่งขันกันมากนัก
“ดีมานด์ของเครื่องอบผ้าที่เกิดขึ้น เบื้องต้นคาดว่าจะเป็นผลจากการระบาดของโรคโควิด-19 ประกอบกับก่อนหน้านี้ก็เรื่องของฝุ่น PM 2.5 ซึ่งเป็นตัวที่กระตุ้นให้ผู้บริโภคโดยเฉพาะครอบครัวที่มีลูกเล็กกังวลกับความสะอาดของผ้าและการตากผ้ากลางแจ้งท่ามกลางฝุ่น รวมถึงหน้าฝนปีนี้ที่สภาพฝนตกค่อนข้างชุก ผู้บริโภคจึงหันมาใช้เครื่องอบผ้าซึ่งมีฟังก์ชั่นฆ่าเชื้อหรือลดสารก่อภูมิแพ้ ด้วยการเริ่มซื้อจากเครื่องขนาดเล็กไซซ์ 7.5-9 กิโลกรัมก่อน”
นายรัชตะยังอธิบายด้วยว่า นอกจากนี้ ปัจจุบันเครื่องอบผ้าพัฒนามากขึ้น ทั้งในเรื่องความสะดวกและความหลากหลายของเครื่อง เช่น เครื่องอบสามารถวางซ้อนกับเครื่องซักผ้าได้ และมี 3 ระบบ คือ เวนต์ (vented) ซึ่งต้องระบายลมที่มีความชื้นออกจากเครื่องจึงต้องติดตั้งในพื้นที่เปิดหรือห้องมีหน้าต่าง คอนเดนเซอร์ (condenser) ใช้การควบแน่นเก็บความชื้นจากผ้าไว้ในถังน้ำในเครื่อง จึงไม่ต้องมีท่อระบายอากาศ สามารถติดตั้งในพื้นที่ปิดได้และฮีตปั๊ม (Heat pump) อาศัยปั๊มช่วยหมุนเวียนอากาศร้อนเย็นภายในตัวเครื่อง จึงติดตั้งในพื้นที่ปิดได้ ใช้พลังงานน้อยกว่าระบบคอนเดนเซอร์ แต่ราคาเครื่องสูงกว่า ความต่างกันในแง่ของราคาเครื่อง, ค่าไฟ และพื้นที่ติดตั้ง จึงสามารถตอบโจทย์การใช้งานและสภาพที่อยู่อาศัยได้หลากหลายมากขึ้น
อีเลคโทรลักซ์ ย้ำเจ้าตลาด
นายรัชตะกล่าวต่อไปว่า สำหรับบริษัทซึ่งถือเป็นผู้เล่นรายหลักมีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 50% จากการทำตลาดมายาวนานนั้น จะเดินหน้าใช้โอกาสนี้อย่างเต็มที่ ทั้งการขยายไลน์อัพเครื่องอบผ้า เพิ่มจาก 5 รุ่นเป็น 7 รุ่น ประกอบด้วยเวนต์ 3 รุ่น คอนเดนเซอร์ 3 รุ่น และระบบฮีตปั๊ม 1 รุ่น รวมถึงเพิ่มเครื่องไซซ์ใหญ่ขึ้น โดยมีราคาตั้งแต่ 15,000-36,000 บาท
พร้อมกระตุ้นการตัดสินใจด้วยแคมเปญราคา อาทิ “โปรแคร์ ดูแลโลก” วันที่ 21 ก.ค.-14 ส.ค. 65 ซึ่งแถมเครื่องอบผ้ามูลค่า 15,490 บาท ฟรี เมื่อซื้อเครื่องซักผ้าฝาหน้าที่ร่วมรายการ ราคาเริ่มต้น 36,990 บาท เป็นต้น ขณะเดียวกันเดินหน้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับฟังก์ชั่นด้านสุขภาพของเครื่องอบผ้า เช่น การฆ่าเชื้อโรค ในวงกว้างผ่านทั้งสื่อออนไลน์และออฟไลน์
“จากกระแสนิยมและความต้องการเครื่องอบที่เริ่มมีมากขึ้น ประกอบกับการที่มีผู้ประกอบการค่ายต่าง ๆ นำเครื่องอบผ้าเข้าทำตลาดเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค จึงมั่นใจว่าตลาดเครื่องอบผ้าจะสามารถเติบโตไปได้ต่อเนื่องอีกหลายปี และมั่นใจว่าอีเลคโทรลักซ์ จะยังคงครองตำแหน่งผู้นำตลาดเครื่องอบผ้าต่อไปได้อย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นค่ายที่ทำตลาดมานานและมีความเชี่ยวชาญ และเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับ”
“แอลจี” กระหน่ำโปรฯปั๊มยอด
ความเคลื่อนไหวนี้ไปในทิศทางเดียวกับแอลจี ยักษ์เครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติเกาหลีใต้ที่มุ่งเล็งเห็นศักยภาพของตลาดเครื่องอบผ้าและเดินหน้าเพิ่มความเข้มข้นในการทำตลาดนี้เช่นกัน โดยนายอำนาจ สิงหจันทร์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาดบริษัท แอลจี อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวในเรื่องนี้ว่า ขณะนี้ เห็นสัญญาณความต้องการเครื่องอบผ้าเพิ่มขึ้น รวมถึงการเข้าทำตลาดของหลายแบรนด์เช่นกัน หลังผู้บริโภคเริ่มเข้าใจว่าการอบผ้าไม่ทำให้ผ้าเสียเสมอไป ทำให้ผู้บริโภคหันมานิยมใช้เครื่องอบผ้าแยกต่างหาก จากเดิมนิยมแบบซักและอบผ้าในเครื่องเดียวกัน
ทั้งนี้ สะท้อนจากยอดขายในช่องทางโมเดิร์นเทรด เช่น ห้างสรรพสินค้าซึ่งสัดส่วนยอดขายเครื่องอบผ้าเพิ่มจาก 7% เมื่อปีที่แล้ว เป็น 12-13% ส่วนภาพรวมทุกช่องทางอยู่ที่เฉลี่ย 7% จึงมั่นใจว่าเครื่องอบผ้าได้กลายเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง และหลังจากนี้ไปบริษัทจะโฟกัสทำตลาดเครื่องซักผ้าฝาหน้าควบคู่กับเครื่องอบผ้าทั้ง 6 รุ่น ที่ประกอบด้วยระบบฮีตปั๊มและคอนเดนเซอร์ รวมถึงสินค้าดูแลผ้าอื่นๆ เช่น โปรโมชั่นซื้อคู่เครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า และตู้ถนอมผ้าร่วมกับการผ่อน 0% ตั้งแต่ 10-24 เดือน (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบัตรที่ร่วมรายการ) รวมถึงการเน้นย้ำฟังก์ชั่นลดสารก่อภูมิแพ้และการประหยัดพลังงาน เป็นต้น
ส่งสินค้าร่วมปลุกตลาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสำรวจพบว่า ปัจจุบันนอกจากอีเลคโทรลักซ์ ที่เป็นเจ้าตลาด และแอลจี ที่กระโดดเข้ามาทำตลาดดังกล่าว ยังมีเครื่องใช้ไฟฟ้าค่ายอื่นๆ ที่ทยอยส่งเครื่องอบผ้าเข้ามาทำตลาดด้วย อาทิ ซัมซุง พานาโซนิค โตชิบา เป็นต้น นอกจากการวางสินค้าโชว์ตามจุดขายหรือช่องทางจำหน่ายต่างๆ แล้ว ยังมีการจัดโปรโมชั่นกันอย่างคึกคัก
ทั้งนี้ เพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นตลาด อาทิ ค่ายซัมซุงที่มีเครื่องอบผ้า 4 รุ่น เข้ามาทำตลาด ระดับราคาตั้งแต่ประมาณ 20,000-38,000 บาท จัดโปรโมชั่น “คุ้มฝ่าหน้าฝน ซัมซุงให้คุณถึง 6 ต่อ” (ถึง 31 ส.ค.นี้) โดยหากซื้อเครื่องซักผ้าพร้อมเครื่องอบจะได้รับส่วนลดสูงสุด 4,000 บาท และผ่อน 0% นานสูงสุด 15 เดือน (สำหรับรุ่นที่ร่วมรายการ) โดยมีการชูจุดเด่นในเรื่องของระบบอำนวยความสะดวก ด้วยเอไอที่ช่วยแนะนำโปรแกรมการอบ และฟังก์ชั่นฆ่าแบคทีเรีย, ไรฝุ่น และสารก่อภูมิแพ้
ส่วนเครื่องอบผ้าของค่ายอื่นๆ อาทิ เบโค มี 6 รุ่น ราคา 15,000-42,000 บาท, บ๊อช มี 5 รุ่น ราคา 28,000-48,000 บาท, พานาโซนิค มี 2 รุ่น ราคา 13,000-14,000 บาท, โตชิบา มี 1 รุ่น ราคา 15,000 บาท และอื่นๆ ที่เข้ามาเป็นตัวเลือกให้กับผู้บริโภคชาวไทย สะท้อนถึงศักยภาพและความคึกคักของตลาดเครื่องอบผ้าในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 นี้ได้เป็นอย่างดี