“ซูเปอร์สปอร์ต” ตั้งเป้าหมื่นล้าน อัพเกรด Store3.0 รับมือตลาดเปลี่ยน

supersport

“ซูเปอร์สปอร์ต” มั่นใจตลาดร้านกีฬา 3.5 หมื่นล้าน โตต่อเนื่อง 7-8% หลังกระแสสุขภาพ-เทรนด์แต่งชุดกีฬายังแรง ผุดยุทธศาสตร์ Store 3.0 ยกเครื่องสาขาทั้งไลน์สินค้า-เทคโนโลยี-บริการ-ดีไซน์ รับมือพฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยน ครึ่งหลังปี’67 ทุ่ม 250 ล้านรีโนเวต 3 สาขา ชิดลม เมกาบางนา เวสต์เกต หวังปั้นรายได้เติบโต 9% ก่อนแตะ 1 หมื่นล้านบาทในปี’69

นายเล็น เลิศสุมิตรกุล ผู้ช่วยกรรมการ ผู้จัดการใหญ่อาวุโสฝ่ายกลยุทธ์ บริษัท ซี อาร์ ซี สปอร์ต จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ผู้บริหารร้าน “ซูเปอร์สปอร์ต” กล่าวว่า ขณะนี้ตลาดร้านค้าอุปกรณ์กีฬาในไทยฟื้นตัวจากช่วงโควิด-19 อย่างสมบูรณ์แล้ว แต่มีความเปลี่ยนแปลงสำคัญหลายด้านที่เป็นทั้งโอกาสและความท้าทายของธุรกิจร้านสินค้ากีฬาแบบมัลติแบรนด์อย่าง ซูเปอร์สปอร์ต ทำให้บริษัทต้องปรับยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่เพื่อชิงความได้เปรียบและรักษาตำแหน่งเจ้าตลาด

นายเล็น เลิศสุมิตรกุล

โดยเมื่อสิ้นปี 2566 ตลาดร้านค้าอุปกรณ์กีฬาในไทยมีมูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าใกล้เคียงกับช่วงก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 แล้ว และปี 2567 นี้คาดว่าตลาดจะเติบโตอีก 7-8% ใกล้เคียงกับก่อนโควิด-19 เช่นกัน จากปัจจัยบวกอย่างเทรนด์สุขภาพที่กระตุ้นให้ผู้บริโภคทุกวัยและทุกพื้นที่หันมาออกกำลังกาย หรือการเล่นกีฬาในฐานะกิจกรรมทางสังคม และการสวมใส่ชุดกีฬาในชีวิตประจำวัน รวมถึงปีนี้ยังมีมหกรรมกีฬาทั้งฟุตบอลยูโร 2024 (14 มิถุนายน-14 กรกฎาคม) และกีฬาโอลิมปิก (26 กรกฎาคม-11 สิงหาคม) มาช่วยผลักดันแม้สภาพเศรษฐกิจจะยังไม่ฟื้นตัวดีนัก

อย่างไรก็ตาม ตลาดมีความเปลี่ยนแปลงทั้งพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคที่เลือกสินค้าละเอียดขึ้น และนิยมร้านค้าที่มีสินค้าระดับพรีเมี่ยมให้เลือกหลากหลาย เนื่องจากต้องการสินค้าที่มีฟังก์ชั่น-นวัตกรรมแอดวานซ์ รวมถึงเหมาะกับร่างกายและการใช้งานของตนเอง โดยไม่ยึดติดกับแบรนด์ดังหรือแบรนด์ที่ตนกำลังใช้อยู่หรือเคยใช้มาก่อน ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่พบได้ทั้งผู้บริโภคในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองต่างจังหวัด

ด้านจำนวนผู้เล่นเพิ่มมากขึ้น หลังแบรนด์ต่างชาติทั้งจากจีนและตะวันตกเข้ามาทำตลาดและเปิดร้านแบรนด์ช็อปส่งผลให้การแข่งขันสูงขึ้น หลังความแพร่หลายของโซเชียลมีเดีย และการซื้อสินค้าตามอินฟลูเอนเซอร์ทำให้แบรนด์ใหม่ ๆ แจ้งเกิดในไทยได้ง่ายขึ้น

Advertisment

Store 3.0 หนุนเป้าหมื่นล้าน

นายเล็นกล่าวต่อไปว่า ปัจจัยเหล่านี้ทำให้บริษัทตัดสินใจเริ่มใช้ยุทธศาสตร์ Store 3.0 ซึ่งเป็นการพลิกโฉมร้านซูเปอร์สปอร์ตครั้งใหญ่ทั้งในส่วนรูปลักษณ์ของร้าน ไลน์อัพสินค้า บริการเสริมในร้าน ไปจนถึงการบริการของพนักงาน เพื่อให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน ตามเป้าหมายชิงความได้เปรียบในการแข่งขันและสร้างการเติบโตของยอดขาย 9% ซึ่งสูงกว่าตลาด รวมถึงรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดที่มีส่วนแบ่งถึง 25% เอาไว้อย่างต่อเนื่อง ก่อนที่มียอดขายแตะ 1 หมื่นล้านบาทภายในปี 2568-2569

ยุทธศาสตร์ Store 3.0 นี้จะเสริมจุดเด่นการเป็น One Stop Shopping ของร้านสินค้ากีฬามัลติแบรนด์ที่มีสินค้าหลายแบรนด์และหลายประเภทกีฬา ให้เข้มข้นยิ่งขึ้นเพื่อสร้างความได้เปรียบเหนือกว่าทั้งร้านมัลติแบรนด์อื่น และร้านแบรนด์ช็อป ด้วยการยกเครื่องการออกแบบร้านใหม่หมด ตั้งแต่การจัดสินค้าตามประเภทกีฬา 10 ประเภท อาทิ วิ่ง, ฟุตบอล, ไลฟ์สไตล์ (เดิน-ฟิตเนส), เทนนิส, แบดมินตัน, กอล์ฟ ฯลฯ แทนการจัดตามแบรนด์เหมือนในอดีต เพื่อสร้างประสบการณ์แบบ One Stop Shopping ในแต่ละประเภทกีฬา

พร้อมกับสร้างความมั่นใจและกระตุ้นให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้โดยไม่ต้องไปยังร้านอื่น ด้วยการนำเทคโนโลยี เช่น เครื่อง Safesize ที่มี AI ช่วยเลือกขนาดรองเท้าตามสรีระ-การใช้งาน และสนามกอล์ฟจำลองสำหรับทดลองอุปกรณ์กอล์ฟ เข้ามาให้คำแนะนำผู้บริโภคในการเลือกสินค้า ร่วมกับทัพพนักงานที่มีฝึกอบรมให้มีความเชี่ยวชาญมากขึ้น

ขณะเดียวกันยังเพิ่มไลน์อัพสินค้าลิขสิทธิ์ เช่น แบรนด์ Tottenham Hotspur หรือสโมสรทอตแนม ฮอตสเปอร์ ที่เซ็นสัญญาเป็นผู้จัดจำหน่ายเมื่อเร็ว ๆ นี้ ร่วมกับแบรนด์อื่นที่บริษัทถือสิทธิอยู่ เช่น Reebok, Columbia, Merrell และแบรนด์ LFC หรือสโมสรลิเวอร์พูล โดยจากนี้จะเดินหน้าเพิ่มแบรนด์ใหม่ ๆ ที่โดดเด่นด้านกีฬาเข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเปลี่ยนธีมการตกแต่งร้านจากโทนสีดำเป็นสีสว่าง เพิ่มห้องเล่นเกมฟุตบอลในบรรยากาศห้องพักข้างสนาม ซึ่งผู้บริโภคสามารถเข้ามาใช้บริการได้ฟรี ให้เข้ากับสไตล์ของผู้บริโภคที่เล่นกีฬาแบบกิจกรรมไลฟ์ไตล์มากกว่าการแข่งขันอีกด้วย

Advertisment

ศึกษาโอกาสเปิดสแตนด์อะโลน

ผู้บริหารซี อาร์ ซี สปอร์ตยังเผยว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 นี้ บริษัททุ่มงบฯ 250 ล้านบาท เดินสายรีโนเวตร้านซูเปอร์สปอร์ต ให้เป็น Store 3.0 เพิ่มอีก 3 สาขา คือ เซ็นทรัลชิดลม ซึ่งจะเป็นสาขาแฟลกชิปด้วยพื้นที่ขนาด 2.3 พัน ตร.ม. สาขาเมกาบางนา และสาขาเซ็นทรัลเวสต์เกต ก่อนที่ปี 2568 จะรีโนเวตสาขาอื่น ๆ ต่อไป เน้นเลือกสาขาขนาดใหญ่ที่มีผู้ใช้บริการเยอะ และไม่ได้รีโนเวตมานาน มาทำการรีโนเวตก่อน เพื่อเพิ่มศักยภาพ หลังจากปัจจุบันมีสาขาที่เป็นโมเดล Store 3.0 แล้ว 4 สาขา คือ เซ็นทรัล เวสต์วิลล์ ซึ่งเป็นสาขาต้นแบบมีความสมบูรณ์ตามคอนเซ็ปต์ 100% ส่วนเซ็นทรัล นครสวรรค์, เซ็นทรัล นครปฐม และเซ็นทรัล เฟสติวัล หาดใหญ่ มีการปรับเปลี่ยนบางส่วนให้เข้ากับฐานะผู้บริโภคในพื้นที่

นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างศึกษาโอกาสการขยายสาขาในโมเดลสแตนด์อะโลน หรือสาขานอกห้างอีกด้วย เนื่องจากเป็นโมเดลที่มีศักยภาพ โดยอาจนำแนวคิด House of Sport ของแบรนด์ Dick’s Sporting Goods เชนร้านอุปกรณ์กีฬาในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เน้นการสร้างประสบการณ์การเล่นกีฬาในร้านอย่าง พื้นที่สำหรับเล่นเบสบอล ปีนผาจำลอง ฟุตบอล อยู่ในร้าน มาปรับใช้ อย่างไรก็ตาม แผนนี้ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น จึงยังไม่มีกำหนดการการขยายสาขาที่ชัดเจน

นายเล็นย้ำความเชื่อมั่นว่า ยุทธศาสตร์ Store 3.0 จะตอบโจทย์การเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคปัจจุบันและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับบริษัท ซึ่งจะสร้างการเติบโตให้กับยอดขายในปีนี้ได้ถึง 9% ตามที่วางเป้าไว้ และการเดินหน้ารีโนเวตสาขาอื่น ๆ ตามแนวทางนี้จะช่วยให้สามารถบรรลุเป้ายอดขาย 1 หมื่นล้านบาท ภายในปี 2568-2569 ได้แน่นอน