ดีมานด์ตลาดยาอาเซียนพุ่ง “ไบเออร์” ปั้นไทยฮับเมดิคอลรับสังคมสูงวัย

เทรนด์สูงอายุดันตลาดยาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โตแรง “ไบเออร์” เร่งเครื่อง เพิ่มน้ำหนักธุรกิจยา ผลิตยากลุ่มรักษาโรคหัวใจ หลอดเลือดและมะเร็ง รับดีมานด์ตลาดเปลี่ยน พร้อมเดินหน้าจับมือพันธมิตรรัฐ-เอกชนทำวิจัย เพื่อพัฒนายาตัวใหม่ ๆ ชูไทยเป็นเมดิคอลฮับของอาเซียน นำร่องเป็นประเทศกลุ่มแรกที่ได้รับอนุมัติยาโรคหลอดเลือด ก่อนขยายต่อสิงคโปร์ มาเลเซีย จีน ไต้หวัน ในปีนี้ คาดหนุนรายได้ทั่วโลกโต 4% ตามแผน

 

การเติบโตของประชากรสูงอายุที่ขยายตัวขึ้นในทั่วโลก ทำให้ดีมานด์ในสินค้า บริการเกี่ยวกับสุขภาพและการแพทย์พุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะในโรคสามัญของผู้สูงอายุอย่างความดันหัวใจ-หลอดเลือดและมะเร็ง ซึ่งพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ ถือเป็นโอกาสของบริษัทยาที่จะรุกทำตลาด หนึ่งในนั้นคือ ไบเออร์ (Bayer) ยักษ์ธุรกิจยาและเคมีภัณฑ์สัญชาติเยอรมัน ที่ให้น้ำหนักกับธุรกิจยามากขึ้นจนสัดส่วนรายได้จากธุรกิจนี้สูงถึง 42% ของรายได้รวม แซงหน้าธุรกิจการเกษตรที่มีสัดส่วน 32% โดยภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เป็นตลาดใหญ่อันดับ 2 ของธุรกิจยาของไบเออร์ สร้างรายได้กว่า 5,200 ล้านยูโรและเติบโต 7.3% ส่งผลให้บริษัทเดินหน้าทำการตลาดในภูมิภาคนี้เข้มข้นขึ้น

ตลาดยาอาเซียนโตแรง

นายคลาวส์ ซีเลอร์ รองประธานกรรมการอาวุโสและหัวหน้ากลุ่มปฏิบัติการการค้า ธุรกิจฟาร์มาซูติคอล ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก บริษัท ไบเออร์ จำกัด กล่าวถึงทิศทางของตลาดยาในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ว่า ปัจจุบันสังคมสูงอายุกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่สร้างดีมานด์และความท้าทายให้แก่ตลาดยาในภูมิภาคนี้ โดยองค์การสหประชาชาติคาดการณ์ว่าปี 2593 ภูมิภาคนี้จะมีสัดส่วนประชากรอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เฉลี่ย 21.1-36.8% เพิ่มจากปี 2559 ที่มีสัดส่วนเพียง 8.7-17.2% ซึ่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถือมีอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรสูงอายุเป็นอันดับ 2 เป็นรองเพียงเอเชียตะวันออก-ตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ความต้องการยาสำหรับป้องกัน รักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงยาสำหรับรักษาโรคมะเร็งสูงขึ้น เพราะถือเป็นโรคที่พบบ่อยในผู้สูงอายุและถือเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของประชากรทั่วโลกที่มีแนวโน้มการเพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด

“แม้ปัจจุบันการรักษามะเร็งจะก้าวหน้าและมีอัตรารอดชีวิตสูงขึ้น แต่ยังตามไม่ทันกับจำนวนผู้ป่วยที่จะเพิ่มขึ้นอีก 70% ภายในปี 2573”

Advertisment

ด้วยแนวโน้มที่เกิดขึ้น คาดว่าปัจจัยเหล่านี้จะผลักดันให้ 3 ปีจากนี้ (ปี 2562-2565) ภาพรวมตลาดยาในเอเชีย-แปซิฟิกเติบโตขึ้นต่อเนื่อง หรือเฉลี่ยปีละ 3.6% สอดรับกับทิศทางการเติบโตของยอดขายของบริษัทในภูมิภาคนี้ที่มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 8% ต่อเนื่องตลอด 8 ปีที่ผ่านมา จากมูลค่าตลาดประมาณ 3,000 ล้านยูโรเมื่อปี 2554 เพิ่มเป็น 5,200 ล้านยูโรในปี 2561 หรือคิดสัดส่วนเป็น 31% ของยอดขายทั่วโลก เท่ากับว่าตลาดยาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นอีกตลาดที่มีดีมานด์และการเติบโตที่สำคัญอีกตลาด

พัฒนายารับดีมานด์คนสูงวัย

นายคลาวส์กล่าวต่อว่า การขยายตัวของสังคมผู้สูงอายุ กลายเป็นความท้าทายสำคัญ เนื่องจากปัจจุบันรัฐบาลในหลายประเทศยังไม่ตื่นตัวกับแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น และไม่มีนโยบายรองรับกับสิ่งกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งนโยบายประกันสุขภาพที่ยังไม่ครอบคลุมนวัตกรรมยา วิธีรักษาใหม่ ๆ และแพทย์ไม่มีข้อมูลที่เพียงพอในการตัดสินใจใช้ยา วิธีการรักษาแบบใหม่ ขณะที่ประชาชนเองก็ไม่รู้ว่าจะปฏิบัติตัวอย่างไรและยังเชื่อข้อมูลเกี่ยวกับโรคและวิธีการรักษาเดิม ๆ อยู่

Advertisment

อย่างไรก็ตาม เพื่อแก้โจทย์เหล่านี้และสร้างการเติบโตต่อเนื่องในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก บริษัทจะเพิ่มความเข้มข้นในการพัฒนาสินค้า โดยเฉพาะกลุ่มยารักษาโรคหัวใจ-หลอดเลือดและมะเร็ง ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มกลุ่มตัวอย่างจากโซนเอเชีย-แปซิฟิก รวมถึงไทยในการทดลองระดับคลินิก เพื่อให้ได้ตัวยาที่ตอบสนองกับผู้ป่วยในพื้นที่และได้ข้อมูลที่แพทย์สามารถเชื่อมั่นได้มากขึ้น

รวมถึงจับมือพันธมิตรทั้งรัฐ-เอกชนเพิ่มศักยภาพงานวิจัย-พัฒนายา พร้อมกับลอนช์โครงการเออร์รี่แอ็กเซส หรือการเปิดให้ผู้ป่วยที่มีความเหมาะสมสามารถเข้าถึงยาได้ก่อน

ชูไทยขึ้นเมดิคอลฮับอาเซียน

“ไทยเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญจากการเป็นเมดิคอลฮับของอาเซียนและรัฐบาลยังสนับlนุนนโยบายสุขภาพต่อเนื่อง ทำให้ไทยเป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มแรกที่บริษัทยื่นขอและได้รับอนุมัติให้นำยารักษาโรคหลอดเลือดหัวใจเรื้อรังและโรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายอุดตันตัวใหม่เข้ามาจำหน่าย ส่วนกลุ่มที่ 2 อาทิ สิงคโปร์ มาเลเซีย จีน ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโดนีเซีย ที่จะเริ่มเข้ารับการรับรองในปีนี้”

ขณะเดียวกัน เดินหน้าสร้างการรับรู้กับบุคลากรทางการแพทย์และผู้บริโภคผ่านช่องทางต่าง ๆ ตามที่ กม.ในแต่ละประเทศกำหนดตั้งแต่สื่อสารกับแพทย์โดยตรง การโฆษณา จัดสัมมนาวิชาการ จัดทำและเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับโรค ฯลฯ เพื่อกระตุ้นการรับรู้เกี่ยวกับโรค ตัวยาและกระบวนการป้องกัน-รักษาใหม่ ๆ ให้กว้างที่สุด ล่าสุดได้ร่วมมือกับหน่วยงานส่งเสริมผู้ประกอบการของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ เปิดตัวโครงการ “หัวใจสุขภาพดี สูงวัยอย่างแข็งแรง” เพื่อผลักดันให้เกิดการใช้นวัตกรรมด้านสุขภาพเพื่อป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งมีจะการจัดประชุมวิชาการ จัดทำเอกสารปกขาว และอื่น ๆ หวังสร้างการรับรู้และความร่วมมือระดับภูมิภาค

ทั้งนี้ มั่นใจว่าการเจาะตลาดเอเชีย-แปซิฟิก จะสามารถเพิ่มยอดขายให้กลุ่มธุรกิจยาของไบเออร์ได้ประมาณ 4% ตามที่ตั้งเป้าไว้อย่างแน่นอน