เมเจอร์ฯ เฉลย ทำไมโรงหนังโตไม่หยุด ไม่หวั่น “สตรีมมิ่ง” แย่งคนดู

สัมภาษณ์

น่าสนใจอย่างยิ่ง ในขณะที่บริการสตรีมมิ่ง (streaming) บนอินเทอร์เน็ต ทั้งเน็ตฟลิกซ์ ไลน์ทีวี รวมทั้งดิสนีย์+ฯลฯ ซึ่งเข้ามาดิสรัปต์อุตสาหกรรมสื่อ ทั้งฟรีทีวี โทรทัศน์บอกรับสมาชิก (Pay TV) แต่ยักษ์ใหญ่ธุรกิจโรงภาพยนตร์ของไทย เชื่อมั่นว่าคนดูหนังในโรง กับคนดูหนังผ่านสตีมมิ่ง ยังเติบโตไปด้วยกัน โดยสตีมมิ่งไม่ได้ดิสรัปต์โรงหนังตามที่มีคนตั้งข้อสังเกต

“ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ “วิชา พูลวรลักษณ์” ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ถึงแนวโน้มธุรกิจ ทิศทางการเติบโตในอนาคต รวมถึงพฤติกรรมคนดูหนัง

Q : โรงหนังจะถูกดิสรัปต์จากสตรีมมิ่งเน็ตฟลิกซ์ที่เติบโตเร็วมาก 

การขยายตัวของสตรีมมิ่ง ทำให้มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าคนจะเลิกเข้าโรงหนังแล้วหันไปดูเน็ตฟลิกซ์ หรือแอปเปิลทีวี แต่หลายปีที่ผ่านมาธุรกิจโรงหนังพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเรายังขยายโรงเพิ่มได้ และเป็นหนึ่งในไม่กี่ธุรกิจที่ไม่ถูกดิสรัปต์ ผมมองว่าคนที่ดูหนังในโรงกับคนที่ดูสตรีมมิ่ง แม้จะชอบดูหนังเหมือนกันแต่พฤติกรรมต่างกัน คนดูที่โรง ต้องการดูหนังใหม่ ต้องได้ดูเดี๋ยวนี้ ไม่อยากรอยกตัวอย่างอเวนเจอร์กว่าจะออกจากโรงไปฉายในเคเบิลหรือช่องทางอื่นต้องรอเป็นปี จุดเด่นจริง ๆ ของสตรีมมิ่งคือ ซีรีส์

Q : แสดงว่าเมเจอร์ฯไม่กังวล 

บ้านเรา แค่ออกนอกเขตกรุงเทพฯ สัญญาณอินเทอร์เน็ตยังไม่เสถียร คนต่างจังหวัดยังใช้มือถือแบบเก่า ดูหนังสตรีมมิ่งไม่ได้อยู่แล้ว สตรีมมิ่งจึงเหมาะกับคนเมืองมากกว่าต่างจังหวัด

Q : “อเวนเจอร์ เอนด์เกม” สร้างความประหลาดใจมาก

เป็นหนังที่สร้างปรากฏการณ์ให้กับเมเจอร์ฯ และทั่วโลก ยอดจองล่วงหน้าก่อนหนังเข้าเต็มหมด วันแรกเราก็ทำได้ 100 ล้านบาทแล้ว จากตั้งเป้าไว้ 50 ล้าน มีคนดูเกือบเต็มทุกที่นั่ง ทุกรอบ และทุกโรง จากที่เรามีทั้งหมด 159 สาขา 782 โรง รองรับผู้ชมได้ 176,919 ที่นั่ง สาขาอย่างรัชโยธิน พารากอน เราต้องเปิดฉายตลอด 24 ชั่วโมงด้วยซ้ำ เกิดเป็นตลาดใหม่ ๆ เช่น กลุ่มที่ชอบดูรอบดึก ๆ ตี 2 หรือตี 3 เป็นต้น

Q : ถ้าคอนเทนต์ดีคนจะมาดูหนัง

ผมอธิบายแบบนี้ครับ มันมีหลายองค์ประกอบ ไม่ได้หมายความว่าหนังดีแล้วคนจะดู แต่มาจากการสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้แก่ผู้ชม (movie experience) ต้องพัฒนาบริการ ทำให้คนดู…ว้าว อย่างต่อเนื่อง เหมือนที่เราทำโรงหนังให้เป็นมากกว่าโรงหนัง มีเก้าอี้ให้เลือกหลากหลาย มี VIP seat มี honeymoon seat มีบัตเลอร์ (butler) ให้บริการ หรือล่าสุดที่เรามี “คิดส์ ซีนีม่า”เพื่อตอบไลฟ์สไตล์คนดูทุกกลุ่ม คือคำตอบที่ว่าทำไมโรงหนังทั่วโลกยังโต รวมถึงเหตุผลว่าทำไมเราถึงไม่ได้รับผลกระทบจากสตรีมมิ่ง

“ช่วงนี้มีอินเวสเตอร์ที่สนใจหุ้นเราในตลาดหลักทรัพย์ฯ เยอะมาก ถามว่าทำไมเค้าถึงสนใจเรา ถ้าไม่ใช่เพราะมองเราว่าเป็นธุรกิจที่มีอนาคต”

Q : ปีนี้ยังมีแผนลงทุนโรงหนังใหม่ ๆ 

ใช่ครับ เรายังลงทุน ปีนี้น่าจะเปิดได้อีก 70-80 โรง ลงทุน 600-700 ล้านบาทในประเทศจะเน้นขยายไปกับบิ๊กซี และเทสโก้โลตัส เข้าถึงกลุ่มคนดูในต่างจังหวัดต่างประเทศโฟกัสไปที่ CLMV โดยเฉพาะลาว และกัมพูชา ซึ่งตัวเลขของเราดีมาก “ต่างจังหวัดเป็นตลาดใหญ่ ซึ่งคนดูมีพฤติกรรมต่างออกไป อยากดูหนังไทยที่มีคุณภาพมากกว่าหนังต่างประเทศ พอดีช่วงไตรมาสแรกปีนี้ มีหนังไทยดี ๆ ทํารายได้เกิน 100 ล้านบาทมากถึง 3-4 เรื่อง ทำให้ส่วนแบ่งตลาดหนังไทยไต่ขึ้นไปเป็น 26% และคาดว่าสิ้นปีนี้จะแตะ 30%”

Q : ผลประกอบการปีที่ผ่านมาเป็นยังไง 

ปีก่อนมีรายได้ 9,952 ล้านบาท มีกำไร 1,283 ล้านบาท ส่วนไตรมาสแรกปีนี้มีรายได้ 2,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เพราะหนังที่เข้าฉายได้รับความนิยมหลายเรื่อง ทั้งหนังต่างประเทศและหนังไทยที่ทำรายได้เกิน 100 ล้านบาทก็มีถึง 3-4 เรื่อง

Q : ป๊อปคอร์นมียอดขายเป็นพัน ๆ ล้าน 

(หัวเราะ) เมเจอร์ฯ ให้ความสำคัญกับทุกเรี่อง ป๊อปคอร์นยอดขายโตขึ้นเรื่อย ๆตอนนี้ตัวเลขทะลุ 2,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่พนักงานทุกคนตกใจ โดยปีที่ผ่านมาก็ทำได้แล้ว โดยคีย์ซักเซส ก็ไม่มีอะไรมากเหมือนธุรกิจอาหาร นั่นคือ ความอร่อยและใช้วัตถุดิบที่ดี แพ็กเกจจิ้งสวยงาม น่าสะสม ลูกค้าซื้อเก็บเป็นคอลเล็กชั่น ตอนนี้รายได้จากการขายป๊อปคอร์นขึ้นมากินสัดส่วน 20% ของรายได้รวม รองจากการขายตั๋วหนังแล้ว

Q : ใช้เครื่องมือทางไอทีหลาย ๆ อย่าง 

ใช่ครับ เดี๋ยวนี้เราใช้คอมพิวเตอร์ในการกำหนดรอบฉาย จากระบบที่วางไว้ จะเห็นหมดว่าสาขาไหนเป็นยังไง แต่ละเรื่องยอดขายบัตรมากน้อยแค่ไหน โดยเริ่มใช้ระบบไอที เอไอ เข้าจัด

รอบหนังเหมือนที่ทีมโปรแกรมมิ่งจัดเพราะอีก 2 ปีผมจะรีไทร์แล้ว จึงต้องวางระบบให้เหมือนไม่มีผมอยู่ โดยสามารถมอนิเตอร์แต่ละสาขาได้แล้วจากทุกที่ ดาต้าที่เราเก็บไว้ยังมีประโยชน์ในการวางแผนต่าง ๆ และกลยุทธ์การตลาด

Q : ก้าวต่อไปของเมเจอร์ฯ คืออะไร

อยากมียอดขายตั๋วแตะ 100 ล้านใบให้ได้ จากปัจจุบันที่คนไทยดูหนังเฉลี่ยไม่ถึง 1 เรื่องต่อปี ตอนนี้บ้านเรามียอดขายตั๋ว 40 กว่าล้านใบต่อปี ส่วนเมเจอร์ฯที่ผ่านมา เราขายตั๋วได้ 30 กว่าล้านใบ ยังห่างไกลจากเกาหลีใต้ที่มากกว่า 200 ล้านใบ

หนังไทยที่มีคุณภาพยังเปิดโอกาสในการบุกตลาดเอเชีย โดยเฉพาะจีนซึ่งคนชอบดูหนังมาก สะท้อนจากการเพิ่มจำนวนโรงหนังต่อเนื่องเฉลี่ย 5,000 โรงทุกปี และมีหนังเข้าฉายมากถึง 600 เรื่องต่อปี และทำรายได้สูง ๆ อย่างหนังฮอลลีวูดมีโควตาเข้าฉายในจีนได้ปีละแค่ 35 เรื่อง แต่ทุกเรื่องทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านเหรียญ

แน่นอนว่าเมเจอร์ฯ พยายามนำหนังไทยเข้าไปเจาะตลาดจีนให้ได้ จีนที่เดียวเท่ากับ 20 ประเทศในเอเชียรวมกัน

ถือเป็นอีกภารกิจที่ผมต้องทำให้สำเร็จ

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลยพิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat 

หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!