เหล้านอกจ่อขึ้นราคา 7-12% ครั้งแรกในรอบ 5 ปี

ภาพจาก Pixabay

คอเหล้านอกปาดเหงื่อ เหล้านอกจ่อขึ้นราคา 7-12% ครั้งแรกในรอบ 4-5 ปี คาดหลังสงกรานต์เป็นต้นไป 

วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 กรณีมีรายงานว่า บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายสุรารายใหญ่ได้เริ่มทยอยแจ้งการปรับขึ้นราคาสินค้าไปยังคู่ค้ารายต่าง ๆ คาดว่าอีกไม่นาน เหล้าสีและเบียร์จะปรับขึ้นราคาตามมา จากปัญหาเรื่องต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งราคาน้ำมันในตลาดโลก วัตถุดิบต่าง ๆ โดยเฉพาะมอลต์ที่เป็นวัตถุดิบหลักที่ต้องนำเข้า รวมทั้งแพ็กเกจจิ้ง (กระป๋อง) ขวดแก้ว

ล่าสุด “เหล้านอก” มีความเคลื่อนไหวในการเตรียมจะปรับขึ้นราคาตามมาติด ๆ โดยแหล่งข่าวระดับสูงจากวงการเหล้านอกรายหนึ่ง เปิดเผยว่า หลังจากกลุ่มเหล้า-เบียร์ในประเทศได้ทยอยแจ้งการปรับขึ้นราคาเมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เนื่องจากมีปัญหาเรื่องต้นทุนหลาย ๆ อย่างที่เพิ่มขึ้น

สำหรับกลุ่มสุรานำเข้าเองคาดว่าจะมีการปรับขึ้นราคาด้วยเช่นกัน เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ประกอบการเหล้านอกเองก็ได้รับผลกระทบจากปัญหาเรื่องราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และส่งผลต่อค่าขนส่ง ปัญหาเงินเฟ้อ และค่าเงินบาทที่ค่อนข้างผันผวนในช่วงนี้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาต้นทุนอย่างหนัก

ส่วนการขึ้นราคาจะมากหรือน้อยเพียงใดก็อยู่กับต้นทุนของผู้ประกอบการแต่ละราย อย่างไรก็ตาม จากการประเมินสถานการณ์ในเบื้องต้น คาดว่ากลุ่มเหล้านอกอาจจะปรับขึ้นราคาในช่วงหลังสงกรานต์ที่เป็นช่วงหน้าขายไปแล้ว โดยอาศัยจังหวะในช่วงหน้าขาย (สงกรานต์) ระบายสต๊อกเดิมก่อน หลังจากนั้น จะประเมินสถานการณ์ในตลาดอีกครึ่งหนึ่งและคาดว่าอาจจะปรับขึ้นราคาสินค้าราว ๆ 7-12% จากราคาขายเดิม

“ตอนนี้ค่ายเหล้านอกส่วนใหญ่ก็ต้องการระบายสต๊อกเดิมที่มีอยู่ก่อน เนื่องจากตลอด 2 ปีที่ผ่านมาไม่สามารถทำตลาดได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในช่องทาง on trade ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ผับบาร์ที่ปิดยาวนาน ทำให้มีสินค้าคงเหลืออยู่จำนวนมาก”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความเคลื่อนไหวในการเตรียมปรับราคาของกลุ่มเหล้านอกครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 4-5 ปี หลังจากที่กรมสรรพสามิตมีการปรับโครงสร้างภาษีใหม่เมื่อช่วงปี 2560 ซึ่งทำให้บรรดาค่ายน้ำเมานอกรายใหญ่ทั้ง “เพอร์นอต ริคาร์ด” ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายชีวาส รีกัล, 100 ไพเพอร์ส “ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่” เจ้าของแบรนด์ดังจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ ที่ต่างเคยหันมาใช้กลยุทธ์ “ไซซิ่ง”

เพื่อเพิ่มความหลากหลายขนาดของสินค้าและราคา และเพื่อสร้างการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทั้งรายเก่าและรายใหม่ รวมทั้งเป็นการตอบรับกับเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ไม่เป็นใจในขณะนั้น