โรดแมป “มาสด้า” ควบ 2 เทคโนโลยี “i-ACTIV AWD – “SKYACTIV-X”

รายงานโดย วุฒิณี ทับทอง

เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา”ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสได้ร่วมทริปที่มาสด้าเตรียมจะแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่และต้องการอัพเดตความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เตรียมจะนำออกสู่ตลาดประเทศไทย รวมทั้งภูมิภาคอาเซียน ในงาน “มาสด้า อาเซียน มีเดีย ฟอรั่ม” เพื่อเป็นการปูทาง…และเตรียมความพร้อมสำหรับการแนะนำรถรุ่นใหม่และเทคโนโลยีในอนาคตอันใกล้…

ความพิเศษ…ยังไม่หมดเพราะทางมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย และ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น จัดกิจกรรมเพื่อสัมผัสที่สุดแห่งเทคโนโลยีจากมาสด้า และสมรรถนะการขับขี่รถยนต์มาสด้ารุ่นใหม่ ที่ KENBUSHI Circuit ในเมือง Hokkaido ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็น 1 ใน 4 สนามทดสอบหลักของมาสด้า สนามแห่งนี้มาสด้าจะใช้สำหรับทดสอบรถยนต์ที่ต้องขับบนสภาพภูมิประเทศและสภาพภูมิอากาศที่ปกคลุมไปด้วยหิมะกับอุณหภูมิติดลบ ซึ่งยังไม่เคยเปิดให้ใครได้สัมผัสมาก่อน…

มาสด้าประสบความสำเร็จด้วยการเป็นแบรนด์ที่ลูกค้ารู้จักอย่างลึกซึ้ง หลังจากได้แนะนำรถยนต์เอสยูวีรุ่นแรก ภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ เมื่อปี 2012 อย่างมาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ซึ่งถือเป็นใบเบิกทางที่ดี ที่ก่อให้เกิดความผูกพันและความสัมพันธ์อันแข็งแกร่ง หลังจากมาสด้าตัดสินใจก้าวข้ามข้อจำกัดเดิม ๆ ด้วยการแนะนำ เทคโนโลยี “สกายแอคทีฟ”

ด้วยการยกระดับคุณภาพการบริการ สร้างรอยยิ้มจากผลิตภัณฑ์ และบริการ เพื่อให้ได้รับความไว้วางใจของลูกค้า เนื่องจากมาสด้า มองว่า “ความไว้วางใจ”

สิ่งสำคัญ โดยเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2017 ที่ผ่านมา มาสด้าได้ประกาศวิสัยทัศน์การพัฒนาอย่างยั่งยืนของ ซูม-ซูม 2030 ที่มาสด้ามองว่า ภารกิจที่จะทำให้โลกใบนี้นั้นสวยงาม เสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ให้กับผู้คนบนสังคมโลกใบนี้…ภายใต้แรงบันดาลใจที่มาสด้าต้องการส่งผ่านไปกับรถยนต์มาสด้าทุกคัน

เพื่อไปสู่เป้าหมายในปี 2030 ด้วยการลด CO2 ให้ได้ 50% จากปี 2010 และในปี 2050 มาสด้าจะลด CO2 ลง 90% บนพื้นฐานของการพัฒนาปรับปรุงเครื่องยนต์ “สันดาปภายใน” ซึ่งจะใช้หลักของการทำงานร่วมกัน ระหว่างหลักของการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ และเทคโนโลยีอีวีภายในปี 2030-2035 ตามโรดแมปของมาสด้าเองนั้น จะมีการแนะนำรถยนต์พลังงานไฮบริด ซึ่งเป็นการลดการปล่อยก๊าซ CO2 โดยการใช้เครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดควบคู่ไปกับ เทคโนโลยีไฟฟ้า

และปีนี้ ในการประชุมใหญ่ของมาสด้าที่กำลังจะมีขึ้นนั้น หลักใหญ่ใจความมาสด้าจะมีการร่วมหารือถึงเทคโนโลยีไฟฟ้า สำหรับรถยนต์ โดยจะเริ่มต้นที่ตัวเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ-จี/ดี รุ่นปรับปรุงใหม่ ก่อนจะส่งผ่านไปยังเทคโนโลยี สกายแอคทีฟ-เอ็กซ์, เทคโนโลยี มายด์ ไฮบริด, แบตเตอรี่ อีวี, มาสด้า คอนเน็ก เวอร์ชั่นใหม่ และเทคโนโลยี สกายแอคทีฟ-บอดี้ และช่วงล่าง เจเนอเรชั่น 2 รวมทั้งการออกแบบภายใต้หลักโคโดะ ดีไซน์เวอร์ชั่น 2 ซึ่งว่ากันว่า เราจะได้สัมผัสกับความก้าวหน้าของมาสด้าในอีกไม่กี่อึดใจ

โดยเฉพาะเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ-เอ็กซ์ ที่มาสด้าเตรียมแนะนำ จะใช้หลักการรวมของดีของเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลเข้าด้วยกันเพื่อให้ได้ทั้งกำลัง ประหยัดน้ำมันและปล่อยไอเสียที่สะอาดกว่า สอดรับกับวิสัยทัศน์ของมาสด้า ในการปกป้องโลกที่สวยงามของเรา ในขณะที่เสริมสร้างคุณภาพชีวิตผู้คนด้วย “ความสนุกในการขับขี่”

โดยสิ่งที่ได้มากับเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ-เอ็กซ์ คือสมรรถนะและการตอบสนองที่ดีขึ้น จากปริมาตรกระบอกสูบของเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร สกาย-เอ็กซ์ ให้แรงบิดอย่างน้อย 10% มากกว่า สกายแอคทีฟ-จี รุ่นปัจจุบัน และเพิ่มขึ้นอีก 30% ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มมากขึ้นถึง 20% และในพื้นที่ที่วิ่งด้วยความเร็วต่ำ การประหยัดเชื้อเพลิงจะเพิ่มขึ้นเป็น 30% เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ-จี

และอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ทีมงานมาสด้าตั้งใจให้เราได้มาสัมผัส กับเทคโนโลยี i-ATIV AWD ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล่าสุดที่มาสด้าภูมิใจนำเสนอ ลูกค้าชาวไทยและอาเซียนจะได้สัมผัสกันในเร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน เนื่องจากปัจจุบันลูกค้าให้ความสำคัญและสนใจรถยนต์แบบขับเคลื่อน 4 ล้อมากขึ้น และมาสด้าต้องการทำรถยนต์เอชยูวีแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่เหมาะสม ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยี i-ACTIV AWD โดยคำนึงถึงสมรรถนะและความประหยัดน้ำมัน ซึ่งมองดูแล้วจะขัดแย้ง

โดยมาสด้าตั้งใจพัฒนาระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ในอุดมคติที่เหมาะ โดยทำทั้งสมรรถนะและความประหยัดน้ำมันมาไว้ด้วยกัน ด้วยหลักการเพื่อให้การควบคุมรถเป็นไปได้ง่ายดาย ด้วยการถ่ายกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังล้อหลัง เพื่อให้เกิดความเหมาะสมในแต่ละสถานการณ์ต่าง ๆ

โดยระบบจะคำนวณแล้วส่งกำลังไปที่ล้อหลังในทันที แบบ 50:50 เพื่อช่วยให้ตัวรถมีความมั่นคงยิ่งขึ้น แต่ถ้าถนนเป็นปกติกำลังจะอยู่ที่ล้อหน้าแบบ 99:1

พร้อมด้วยระบบจะทำงานด้วยเซ็นเซอร์ 27 จุดรอบคัน จากนั้นนำไปประมวลผล 200 ครั้งต่อวินาที ซึ่งทำงานอยู่ตลอด ไม่ว่าถนนจะเป็นแบบใด

ซึ่งทีมวิศวกรเปรียบเทียบง่าย ๆ ว่า คนเรากะพริบตาหนึ่งครั้ง ระบบทำงานไปแล้ว 20 ครั้ง เลยทีเดียว

นี่ถือเป็นเพียงเศษเสี้ยวของเทคโนโลยี ความก้าวล้ำที่มาสด้าตั้งใจ พัฒนา เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ตามหลักจินบะ-อิไตอย่างแท้จริง เพื่อสอดคล้องกับหมุดหมายที่มาสด้าตั้งใจให้เทคโนโลยีสกาย-เอ็กซ์ และ i-ACTIV AWD เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น โดยคำนึงถึงโลกและทุกคนที่อยู่อาศัย