“เอ็มจี” ย้ำไทยฐานผลิตใหญ่อีวี เดินหน้าขยายไลน์แบตเตอรี่รับตลาดบูม

เอ็มจีย้ำตั้งใจใช้ไทยเป็นฐานผลิตรถยนต์อีวีแม้ได้สิทธิภาษีนำเข้าเป็นศูนย์ จี้รัฐส่งเสริมสิทธิประโยชน์ให้ตรงจุด เร่งขยายกำลังผลิตแบตเตอรี่เท่าตัว

นายจาง ไห่โป กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทแม่ตั้งใจเข้ามาลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยอย่างจริงจัง และประกาศจะใช้ไทยเป็นฐานผลิตใหญ่ แม้ว่าปัจจุบันบริษัทจะได้รับสิทธิประโยชน์จากเขตการค้าเสรีอาเซียน (เอฟทีเอ) ระหว่างประเทศจีนและประเทศไทย โดยคิดอัตราภาษีนำเข้าเป็นศูนย์ก็ตาม ซึ่งล่าสุดบริษัทได้ยื่นส่งเสริมการลงทุนภายใต้กรอบบีโอไอ ประกอบด้วยรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด และรถยนต์อีวี

ขณะนี้ได้ผลิตรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ออกสู่ตลาดประเทศไทยแล้ว ได้แก่ เอ็มจี เอชเอส พีเอชอีวี ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคชาวไทยเป็นอย่างดีจนทำให้บริษัทจำเป็นต้องลงทุนขยายกำลังการผลิต โดยเฉพาะแบตเตอรี่จากเดิมที่ผลิต 300-400 ลูกต่อเดือนเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวหรือ 700-800 ลูกต่อเดือน เพื่อรองรับกับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับภาวะการขายซึ่งเดิมตั้งเป้ายอดขายเอ็มจี เอชเอส พีเอชอีวี 250-300 คันต่อเดือน ถึงวันนี้ทะลุกว่าที่คาดการณ์ไปมาก

“สำหรับการส่งเสริมให้รถอีวีในประเทศไทยเกิดขึ้นนั้น เรามองว่ายังมีรายละเอียดและเงื่อนไงบางตัวที่จะต้องรอหารือกับภาครัฐ หากต้องการให้รถประเภทนี้เกิดขึ้นอย่างจริงจัง นอกจากส่งเสริมผู้ผลิตรถยนต์แล้ว สิ่งสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันคือ รัฐจะต้องมีการส่งเสริมให้กับผู้ใช้รถยนต์ประเภทนี้ด้วย ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักเพื่อช่วยขับเคลื่อนที่สำคัญ”

นอกเหนือจากการลงทุน เพื่อเตรียมรับกับโมเดลใหม่ในอนาคตแล้ว เอ็มจียังได้ปรับแผนงานในการขยายเพิ่มสถานีชาร์จ ที่จะมีครบ 500 แห่งทั่วประเทศ และปรับปรุงสเป็กเครื่องชาร์จไฟจาก 50 วัตต์ เป็น 60 วัตต์ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดด้วย

ด้าน นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า รถยนต์ไฟฟ้า 100% เอ็มจี อีพี ที่เพิ่งเปิดตัวไปก่อนหน้านี้นั้นได้การตอบรับจากผู้บริโภคดีมาก ทยอยส่งมอบให้กับลูกค้าแล้วถึง 200 คัน แต่ปัจจุบันยังมีแบ็กออร์เดอร์ 1-2 เดือน เนื่องจากในตลาดโลกและประเทศจีนมีความต้องการรถรุ่นนี้ค่อนข้างมาก ทำให้ในเดือนเมษายนที่บริษัทได้สั่งรถรุ่นดังกล่าวไปจำนวน 250 คัน แต่ปรากฏว่ามีปัญหาการซัพพลายทั่วโลกทำให้ได้โควตาเพียง 100 คันเท่านั้น ซึ่งบริษัทพยายามแก้ไขปัญหาเพื่อส่งมอบรถรุ่นนี้ไปยังผู้บริโภคให้เร็วที่สุด

นอกจากนี้ ล่าสุดบริษัทยังได้ปรับโฉมรถปิกอัพ เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์ เพิ่มความสดใหม่ในการทำตลาด พร้อมตั้งเป้าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 1,500-2,000 คันต่อเดือน จากก่อนหน้านี้มียอดขายอยู่เพียง 600-700 คันต่อเดือนเท่านั้น และถึงวันนี้มียอดขายเอ็กซ์เทนเดอร์สะสมทั้งสิ้น 6,000 คันทั่วประเทศ

“เราต้องการเดินหน้าสร้างการรับรู้ให้กับผู้บริโภคเกี่ยวกับกระบะเอ็กซ์เทนเดอร์มากขึ้น ด้วยจุดเด่นของห้องโดยสารที่ได้รับดีไซน์ให้มีขนาดใหญ่ สมรรถนะช่วงล่างอันยอดเยี่ยม ตอบโจทย์ความคุ้มค่าของการใช้งาน และศูนย์บริการที่ครอบคลุม 170 แห่งภายในสิ้นปีนี้จากปัจจุบันที่มีอยู่ 150 แห่ง”

ส่วนยอดขายเอ็มจีใน 2 เดือนที่ผ่านมานั้น มียอดขาย 4,552 คัน โต 14% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ที่ขายได้ 3,942 คัน และทั้งปีคาดว่าจะมียอดขาย 40,000 คัน โตจากปี 2563 ที่ขายทั้งสิ้น 28,316 คันเป็นผลมาจากความมั่นใจสถานการณ์โควิดและภาวะเศรษฐกิจ