จีที-อาร์ ที-สเปค 2 สี…2 อารมณ์

เวทีรถใหม่

นิสสัน จีที-อาร์ สีม่วง มิดไนต์เพอร์เพิล และสีเขียว มิลเลนเนียม เจด ที่เปิดตัวในประเทศญี่ปุ่น และพร้อมจำหน่ายในประเทศไทย ถือเป็นซูเปอร์สปอร์ตคาร์สมรรถนะสูง ระดับตำนานของนิสสัน และเป็นรถในฝันของคนรักรถทั่วโลก

ซึ่ง “ฮิโรชิ ทามูระ” หัวหน้าคณะผู้เชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์จีที-อาร์, ทาคาชิ คาวากูชิ วิศวกรยานยนต์ หัวหน้าฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ และ สึโทมุ ยามากูชิ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายออกแบบขั้นสูงของนิสสัน เล่าให้เราฟังเกี่ยวกับความสำคัญของ 2 สีใหม่ และแรงบันดาลใจของการออกแบบที่ทำให้รถยนต์คันนี้พิเศษและตรงใจลูกค้า

 

Advertisment

 

“ยามากูชิ” กล่าวว่า ถ้าเป็นแฟนพันธุ์แท้ของจีที-อาร์ คุณจะจำได้ทันทีว่าสีม่วง มิดไนต์ เพอร์เพิล และสีเขียว มิลเลนเนียม เจด เป็นสีที่ใช้ในจีที-อาร์ รุ่น R33 และรุ่น R34 ในตอนนั้นเราออกแบบสีม่วง มิดไนต์ เพอร์เพิลให้เป็นสีพิเศษสำหรับรุ่น R33 โดยเฉพาะ เพื่อสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของจีที-อาร์ ในตอนนั้นเรายังพัฒนาสีโดยอ้างอิงจากสีเทาและสีน้ำเงิน แต่ทั้งหมดยังขาดความแปลกใหม่

ผมเชื่อเสมอว่าคุณค่าของจีที-อาร์คือการได้รับความยกย่องและเป็นต้นแบบให้รถรุ่นอื่น ๆ ที่อยากเป็นเหมือนจีที-อาร์ การออกแบบในเจเนอเรชั่นแรก ๆ อย่างรุ่นฮาโกซึกะ และเคนเมริ ซึ่งในตอนนั้นสีม่วงยังเป็นสีต้องห้ามสำหรับการออกแบบรถยนต์

Advertisment

การสร้างความโดดเด่นยังสะท้อนให้เห็นถึงความประณีตและเป็นงานที่ท้าทายที่มีความเสี่ยงสูงมาก เพราะมีเรื่องของมุมมองและทัศนคติเข้ามาเกี่ยวข้อง เราจึงไม่สามารถเน้นแต่สีที่ฉูดฉาดเพียงอย่างเดียวได้ จีที-อาร์จึงไม่เคยใช้สีแฟชั่นแต่เลือกเป็นสีที่มีเอกลักษณ์และแตกต่าง ทำให้ยากที่จะเลียนแบบได้ โดยเราต้องลดความสว่างในสีม่วงเพื่อแสดงออกถึงความดุดันและความแข็งแกร่งของตัวรถ สีม่วง มิดไนต์ เพอร์เพิลจึงมีการพัฒนาและมีวิวัฒนาการเป็นม่วง มิดไนต์ เพอร์เพิลแบบใหม่ซึ่งใช้กับรุ่น R34

คาวากูชิกล่าวว่า คุณภาพสีรถยนต์ที่ดีต้องไม่ซีดจางและไม่ลอก ดังนั้น เมื่อเราพัฒนาสีใหม่เราจึงจำเป็นต้องใช้เวลาทดสอบที่ยาวนานเพื่อให้แน่ใจว่าสียังคงสภาพใหม่ โดยที่สภาพอากาศรูปแบบต่าง ๆ จะไม่ส่งผลกระทบต่อสีตัวรถ

ในการพัฒนาสีของจีที-อาร์ R35 รุ่นปี 2022 ได้แรงบันดาลใจมาจากออโรร่าหรือแสงเหนือ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่แสงจากดวงอาทิตย์กระทบกับชั้นบรรยากาศ ทำให้เกิดการเรืองแสงสะท้อนอยู่บนท้องฟ้า ในการพัฒนาครั้งนี้เราจึงเลือกใช้สีมัลติเพล็กซ์และใช้เทคนิคการเคลือบสีซึ่งยากที่จะผลิตซ้ำ

ขณะที่ทามูระกล่าวว่า ภายในของที-สเปคยังมีสิ่งที่โดดเด่นและสามารถดึงความสนใจของคุณได้ถึง 3 อย่างคือ (1) แผงคอนโซลหน้า ที่ใช้วัสดุอัลแคนทาร่า ซึ่งได้รับความชื่นชมอย่างมากจากลูกค้านิสโมที่สามารถลดการสะท้อนของแสง แต่ขณะเดียวกัน ก็ให้ความรู้สึกหรูหรา ดังนั้น เราจึงใช้วัสดุอัลแคนทาร่าบนเบาะนั่งและขอบประตูด้วย (2) วัสดุภายในสีเขียวที่พัฒนาขึ้นใหม่ ซึ่งมีความสอดคล้องลงตัวเข้ากันกับรถคันนี้

(3) บริเวณตรงกลางคอนโซล สัญลักษณ์สีทองสำหรับรุ่นที-สเปค สัญลักษณ์ที่ใช้สีทองที่ด้านหน้าและด้านหลัง

และเมื่อคุณเปิดประตูรถ บนคิ้วบันได คุณจะพบลวดลายสีทอง ซึ่งนี่เป็นอีกเอกลักษณ์หนึ่งของรุ่นที-สเปค เราตั้งใจทำให้มันโดดเด่นด้วยการใช้สีทองเพิ่มในหลาย ๆ จุด อย่างบนฝาครอบเครื่องยนต์และล้ออย่างที่บอก วงล้อสีทองซึ่งผลิตมาจำนวนจำกัด สำหรับสีทองบนฝาครอบเครื่องยนต์เราพัฒนาให้ทนต่ออุณหภูมิและการใช้งานของเครื่องยนต์ที่มีความร้อนสูง ซึ่งแตกต่างจากสีตัวถังรถโดยสิ้นเชิง ดังนั้น เราจึงมีอีกความท้าทายในการพัฒนาสีทองนี้เพิ่มขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับการเป็นรถรุ่นที-สเปคทั้งหมด

จีที-อาร์ ที-สเปค เป็นรุ่นพิเศษที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในญี่ปุ่นเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีการปรับปรุงสมรรถนะและดีไซน์ด้วยเบรกคาร์บอนเซรามิก สปอยเลอร์หลังแบบคาร์บอนไฟเบอร์ ฝาครอบเครื่องยนต์พิเศษสำหรับรุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่น และตราสัญลักษณ์รุ่นที-สเปค ลิมิเต็ด เอดิชั่น ที่ด้านหน้าและด้านหลัง

ล้ออัลลอยฟอร์จจาก RAYSสีบรอนซ์ ขนาด 20 นิ้ว และสีตัวถังใหม่ 2 สี ได้แก่ สีม่วง มิดไนต์ เพอร์เพิล และสีเขียว มิลเลนเนียม เจด ควบคู่ไปกับสีหลักอื่น ๆ อีก 4 สี ภายในตกแต่งเฉพาะด้วยสีเขียว โมริ กรีน และมีเบาะนั่งหุ้มด้วยหนังกลับ ภายในหลังคาใช้วัสดุอัลแคนทาร่า และสัญลักษณ์ที-สเปคบริเวณคอนโซล

สมรรถนะของจีที-อาร์ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์แบบ V6 24 วาล์ว ขนาด 3.8 ลิตร ทวินเทอร์โบชาร์จ เครื่องยนต์ทุกเครื่องประกอบด้วยมือจากช่างเทคนิคระดับสูงสุดของจีที-อาร์ หรือ “ทาคูมิ” มอบความประณีตและสมรรถนะอันทรงพลัง ให้พละกำลังสูงสุด 555 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 632 นิวตันเมตร กำลังของเครื่องยนต์ถูกส่งไปยังล้อทั้งสี่ล้อผ่านชุดเพลาส่งกำลังขับเคลื่อนในระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ